ตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกทยอยออกมาประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า กำลังจะพัฒนาประเทศเพื่อก้าวไปสู่สังคมที่ไร้คาร์บอนฯ
นอกจากนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลแต่ละแห่งประกาศออกมามากมาย สายงานอาชีพต่างๆ ก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศแล้วเช่นเดียวกัน
ตอนนี้มีอาชีพอะไรบ้างที่กำลังเติบโต ลองมาดูเทรนด์ที่กำลังเป็นไปและคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ ในช่วง 10 ปีข้างหน้านี้
1. เจ้าของฟาร์มแนวตั้ง
การทำฟาร์มแนวตั้งนี้ไม่ได้หมายถึงการทำสวนดอกไม้หรือการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง แต่หมายถึงการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มฐานการผลิตสินค้าทางเกษตรในพื้นที่ชุมชน ดาดฟ้าคอนโด และเป็นการทำฟาร์มที่ขายผลผลิตกันอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพาะพืชผักสวนครัวไว้กินเองในบ้าน
เนื่องจากพื้นที่เกษตรวันนี้ถูกจับจองมีเจ้าของหรือไม่ก็เป็นของเครือธุรกิจใหญ่ๆ กันหมด (เว้นแต่ต้องบุกรุกป่าอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ขอแนะนำให้ทำกัน) และการลงทุนไม่สูง (ไม่ต้องเสียค่าที่) และสอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการอาหารของประชากรที่เพิ่มมากขึ้น เพราะจำนวนคนบนโลกเพิ่มขึ้น รวมถึงทิศทางการหันมาสนใจกินพืชผักออร์แกนิกแทนเนื้อสัตว์ก็เป็นอีกคำตอบของโจทย์นี้
ตัวอย่าง สหรัฐอเมริกาพบว่าธุรกิจฟาร์มในเมืองเติบโตขึ้น 30% ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ผลคือ ช่วยทำให้เมืองต่างๆ มีอาหารที่หลากหลาย และไม่ประสบภาวะอาหารขาดแคลนหนักในเวลาเกิดภัยพิบัติ
สิ่งสำคัญของการทำเกษตรในเมือง ยังช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และยังช่วยควบคุมสภาพอากาศระดับย่อมๆ
2. ครีเอทีฟสายเขียว
การออกแบบข้าวของเครื่องใช้ ที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยสี่อย่างที่อยู่อาศัยหรือเครื่องนุ่งห่มจะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
อาคารบ้านเรือนจะต้องออกแบบในรูปแบบสถาปัตยกรรมเชิงนิเวศ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และเชื่อมโยงกับการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด – ไม่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
ตลอดจนเรื่องของแฟชั่นที่จะหันมาเน้นประเด็นความยั่งยืน ในการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเชื่อมโยงกับการรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ
คนทำงานครีเอทีฟจะต้องร่วมผลักดันแนวคิดและสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมของตน
3. วิศวกรด้านพลังงานหมุนเวียน
หนึ่งในความจำเป็นเร่งด่วนที่หลายประเทศกำลังดำเนินการ คือการลดเลิกใช้พลังงานฟอสซิลที่สร้างมลพิษ แล้วหันมาพัฒนาและใช้พลังงานหมุนเวียนที่สะอาดปลอดภัยอย่างพลังงานลม น้ำ แสงแดด หรือแม้แต่พลังงานที่ได้จากคลื่นในทะเล
ตอนนี้ ทั่วโลกมีวิศวกรด้านพลังงานแสงอาทิตย์แล้วกว่า 3.8 ล้านคน ซึ่งถือว่าเยอะที่สุดในสายงานพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด และจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าทุกประเทศสามารถจัดการกับระบบพลังงานได้อย่างเป็นรูปธรรม และขยายภาคพลังงานให้ครอบคลุมทุกองคาพยพทางสังคม
อย่างไรก็ตาม ในพลังงานด้านอื่นๆ ถือว่ายังขาดแคลนคนในตำแหน่งนี้อยู่อีกมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางของแต่ละประเทศว่าจะเลือกใช้พลังงานแบบไหนให้เหมาะสมกับสภาพทางต้นทุนที่มี เช่น ในประเทศอังกฤษกำลังให้ความสนใจพลังงานจากคลื่นเป็นพิเศษหลังก่อนหน้านี้ได้ทดลองแล้วว่าพลังงานจากคลื่นสามารถเพิ่มพลังงานให้กับประเทศได้จริง และกำลังมองหาผู้ร่วมงานด้านนี้อยู่มากทีเดียว
4. ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน
นอกจากโลกจะต้องการคนมีทักษะทางเทคนิคแล้ว โลกยังต้องการคนที่มีความสามารถในการคิด ออกแบบ จัดการกับโครงการ และชักจูงให้ภาคธุรกิจ บริษัทต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม
ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในการประเมินแผนงานเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของบริษัท สามารถทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแนะนำองค์กรให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้
หรือที่ใหญ่กว่านั้น คือ การเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการที่ใหญ่ๆ ที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาในระดับภูมิภาค หรือโครงการพัฒนาของรัฐ ที่ต้องทำให้มั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และไม่สร้างความเสียหายให้กับโลกเช่นในอดีต
5. นักสร้างและซ่อมแซมบ้านสีเขียว
International Labour Organization หรือองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ระบุว่าคนงานก่อสร้างหรือซ่อมแซมบ้านที่เข้าใจปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นบุคลากรที่ตลาดแรงงานต้องการมากเป็นอันดับสองรองจากกลุ่มวิศวกรด้านพลังงาน
จากการคาดการณ์ในอีก 10 ข้างหน้า โลกจะต้องการคนงานมากถึง 6.5 ล้านคน เพื่อพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับแผนลดโลกร้อนของนานาประเทศที่ตั้งเป้าไว้ โดยมีเรื่องอาคารประหยัดพลังงานวางไว้เป็นหัวข้อสำคัญของงาน
คนงานก่อสร้างจำเป็นต้องมีทักษะการสร้างอาคารที่เกิดขึ้นใหม่ให้เหมาะสมกับทิศทางพัฒนาประเทศที่อาศัยมาตรฐานทางคาร์บอนที่เข้มงวดมากขึ้น ขณะเดียวกันแนวทางการปรับปรุงอาคารเก่า (ที่พอจะปรับได้) ก็ต้องเปลี่ยนไปใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุด
6. นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
ตามรายงานของ The Balance ระบุว่า ตลาดงานสำหรับนักวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมจะเติบโตอย่างน้อยๆ 8% ระหว่างปี 2020-2029
ซึ่งในความหมายของการเป็นนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมนั้น ก็ไม่ได้หมายถึงนักวิจัยที่ฝังตัวอยู่ในแล็บทดลอง หรือนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์คอยประเมินผลและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ แล้วจบที่เขียนรายงานกับแถลงบรรยายชุดข้อมูลความรู้เท่านั้น
แต่ยังต้องเป็นที่ปรึกษาของหน่วยงานคอยประเมิน-คาดการณ์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากสภาพอาการแปรปรวนแบบสุดขั้วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อลดความเสี่ยงในด้านการลงทุนให้กับเอกชนต่างๆ ไปจนถึงการช่วยรัฐบาลป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติให้กับประชาชน
ก่อนจบเรื่องนี้ ขอใส่หมายเหตุทิ้งท้ายไว้ว่า อาชีพที่กล่าวมานี้เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นในตลาดแรงงานต่างประเทศ โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรปที่ส่วนใหญ่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ให้สำเร็จในอีก 10 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ คาดว่าจะมีอาชีพอื่นๆ ที่ต้องเชื่อมโยงให้เข้ากับมิติสิ่งแวดล้อมตามมาอีกมาก เช่น ทนายความด้านสิ่งแวดล้อม นักวิทยาศาสตร์เฉพาะทาง นักโบราณคดีสิ่งแวดล้อม ตลอดจนนักวางผังเมืองสีเขียว ฯลฯ
กล่าวสรุปแบบรวบรัด คนทำงานในอนาคตจำเป็นต้องปรับตัว พัฒนาความสามารถ และมีทัศนคติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
อ้างอิง:
- Phys. How urban agriculture can improve food security in US cities. http://bit.ly/3ddqWIr
- The Balance Careers. Top 10 Green Dream Jobs http://bit.ly/3d0Fgn9
- BBC. The people building a greener future. http://bbc.in/2P2azWK