66 ปี กับ ‘ความตาย’ สุริยาคอฟฟิน ธุรกิจหีบศพที่ช่วงเริ่มต้นมีแต่คนรังเกียจ
ธุรกิจ ‘หีบศพ’ หนึ่งในธุรกิจที่ใครหลายคนไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมีคนเกิด ก็ต้องมีคนตายเป็นเรื่องธรรมชาติ และดูเหมือนว่าในช่วงนี้จะมีผู้ชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จากสถานการณ์ในปัจจุบัน นอกจากผู้ป่วยติดเชื้อที่น่าเป็นหวังแล้ว ผู้ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้ ‘สุริยาคอฟฟิน’ หีบศพที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแรกๆ ในไทย และอาจเป็นเบอร์หนึ่งของประเทศไทยต้องทำงานหนักมากกว่าเดิม
สมชาย สุริยเสนีย์ พูดก่อตั้งสุริยาคอฟฟินเล่าว่า จริงๆ แล้วก่อนเริ่มธุรกิจนี้ เขาได้ขายของเร่โดยใช้รถบรรทุกมาก่อน เส้นทางการเข้าสู่ธุรกิจหีบศพนี้จะเป็นมายังไง และแนวคิดในการทำงานนี้จะน่าสนใจแค่ไหน มาติดตามบทสัมภาษณ์นี้เลย
ทำไมลุงถึงมาทำอาชีพนี้
จริงๆ เเล้วเริ่มต้นมาจากการมีรถบรรทุกก่อน รถบรรทุกคันนี้ผมขายของเร่ (ขายเร่) ขายปลากระป๋อง กะปิ น้ำปลา ช่วงนั้นบังเอิญธุรกิจไม่ดีผมก็เลยหยุด ผมมีรถก็ไม่รู้จะทำอะไร บังเอญบ้านผมอยู่หลังโรงพยาบาลศิริราช ตอนนั้นมันพอดีมีห้องศพ ผมเลยไปรับจ้างบรรทุกศพ
มาเริ่มทำเป็น ‘หีบศพ’ ได้ยังไง
เวลาเราไปรับศพญาติก็จะมีคนถามทำไมไม่ขายหีบ ทำไมไม่ขายดอกไม้ ทำไมไม่ขายของให้ครบ เช่น กระถาง ธูป ตะเกียง หมอนผ้าขาว อะไรอย่างเนี่ย เราให้เขาไปซื้อ เขาก็ลำบาก เพราะว่าเขาไม่ชินกับสถานที่ เสร็จเเล้วผมก็เลยต้องขายของที่เขาถาม
คุณลุงเคยคิดไหม ว่าจะมาทำธุรกิจขาย ‘หีบศพ’
เริ่มต้นมาไม่ได้คิดครับ เพราะผมมีอาชีพเยอะ ขายถ่าน ขายไม้ ขายฟืน ขายน้ำ ขายทราย ขายหิน อะไรของพวกนี้ ขายเป็นอย่างๆ เช่น ถ่านก็เอาใส่ถุงขาย ที่เขาขายกันอยู่สมัยนี้เป็นถุงมันก็เริ่มต้นมาจากผมครับ
ตอนเเรกที่คุณลุงเริ่มทำอาชีพนี้ คนรอบข้างเขามีความรู้สึก แปลกๆ บ้างไหม
มีครับ เพื่อนๆ ก็ไม่อยากคบผม พอผมไปบ้านเขา เขาก็หาว่าใครตาย ทำให้บางทีเพื่อนก็พูดว่า กูไม่คบมึง มึงไม่ต้องมาบ้านกู อย่าเข้ามาบ้านกู อะไรอย่างเงี้ยครับ แต่จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา ผมมีโอกาสมาทำงานตรงนี้แล้วถ้าเขาเห็นว่ามีคนทักท้วง มีคนติเตียนอันนั้นก็มันก็เป็นบางราย ถามว่ามาทำไมวะ ใครตายวะ เพื่อนผมที่มาด้วยกันมันได้ยินก็โกรธ ว่าทำไมต้องมีคนตายด้วยเหรอ
เเล้วทำไมคุณลุงถึงเลือกทำอาชีพนี้
ตอนที่ผมยังไม่ได้ทำเนี่ย ญาติคนตายนี่ก็จะลำบาก ซื้อหมอนใบหนึ่งก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ซื้อผ้าขาว ซื้อกระถางธูป ซื้อตะเกียง ซื้อธูปซื้อเทียนอะไรพวกนี้มันยาก ถ้าเรามาอยู่ตรงนี้ เราบริการเขามันก็สะดวก ก็เลยตัดสินใจทำตรงนี้ ผมเริ่มต้นนำรถไปบรรทุกศพก็อายุ 16 กว่าๆ จนมาถึงตอนนี้ผม 82 แล้ว ชินเเล้วครับ เกี่ยวกับเรื่องกลัวผีนี่ ชินครับ
‘สุริยาหีบศพ’ เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแรกของคนไทยได้ไหม
จริงๆ แล้วการขายหีบมามันมานานก่อนที่ผมจะมาเปิดอีก เเต่ว่าเขาทำกันแบบลับๆ ต่างคนต่างอาย คนขายกลัวจะโดนคนซื้อด่า ไม่มีใครคบ เเต่พอถึงผม ผมเปลี่ยนแปลงปรับปรุง อย่างหีบนี่ก็จะปกติจะสีเหลือง แต่พออยู่กับผม ผมทำให้เป็นสีขาว สว่างไสว ดูแล้วไม่น่ากลัว เมื่อก่อนสมัยเปิดร้านใหม่ๆ ไม่มีคนกล้าเดินผ่านหน้าร้านนะครับ ผมก็คิดว่าเพราะมันเป็นสีเหลืองมั้ง ทำให้คนมองแล้วน่ากลัว ถ้าเราเปลี่ยนมาเป็นสีขาวคนจะได้ไม่กลัว แค่นั้นไม่พอผมมีบุผ้าต่วน บุผ้าตาด ทำให้มันดูแล้วมันดีขึ้น แม้กระทั่งหีบไม้สักอะไรก็ใส่ลาย หีบสติกเกอร์ ที่มีแปะสติกเกอร์ ผมก็ทำขึ้นมาเเล้วก็ขาย
สุริยาหีบศพถึงดังระดับประเทศ
ผมมีลูกชายคนหนึ่งเอาศพมาจากต่างประเทศ เเล้วก็เอาจากต่างประเทศเข้ามา อย่างเช่น คนไทยเสียชีวิตก็เอาเข้ามา แม้กระทั่งภูเก็ตที่ตายกันเยอะๆ ผมก็ให้ลูกชายไปช่วย วันหนึ่งทำหีบ 40 – 50 ใบ ตอนนั้นคนตายเป็นหมื่นๆ คน ทำอยู่อาทิตย์หนึ่งเครื่องไม้เครื่องมือเสียหมดเลย แม้กระทั่งกกก็เสีย ทำไม่ได้หยุด ทำทั้งวันทั้งคืน ทำวันละ 200 – 300 ใบ ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน เพราะคนตายมันเยอะ เวลาทำพิธีบรรจุผมจะไม่เหมือนกับเจ้าอื่นๆ อย่างเจ้าอื่นๆ เขาเอาหีบมาใส่ศพเเล้วก็ไปเลยเเต่ของผมต้องมีฉีดยา แต่งตัว ขอขมา ทำพิธี ลงหีบ มีป้อนข้าว มีหลายๆ อย่างที่เจ้าอื่นไม่มี ผมทำตรงนี้ให้ ขนาดในหีบผมยังมีบุผ้าต่วน ผ้าตาด บุเเล้วสวยเห็นเเล้วน่านอน
ทำไมต้องทำขนาดนั้น
ทำเเล้วคนเขาชอบ คนเขาชอบก็มาใช้บริการเรา ผมว่าถ้าเห็นผมทำแล้วเปิดให้ดู ไอ้เรื่องน่ารังเกียจเนี่ยหายไปเลย มีเเต่เห็นแล้วอยากได้ เพราะมันสวย มันเรียบร้อย มันดี เราเกิดมา ผมไม่รู้ว่าผมจะช่วยสังคมด้วยวิธีไหนยกเว้นตรงนี้ มันเป็นโอกาสที่ทำให้ผมได้ช่วยเหลือสังคม และสังคมก็มองเห็นผมด้วย ผมมีหีบบริจาคอยู่หน้าบ้าน ถ้าใครมาขอหีบศพนี่ผมให้เลย 2000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายติดต่อวัด ติดต่ออะไร ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับงานศพ ผมให้ทุกราย รายละ 2000 บาท ทุกวันนี้ผมก็ยังให้อยู่ ถ้าเป็นคนไม่มีเงินผมก็แถมเงินให้งานเขาผ่านไปได้ด้วยดี
ประสบการณ์ที่ประทับใจ
เวลาคนเขาจะมาให้ผมทำ เขาจะบอกว่า เถ้าแก่ทำให้เหมือนเจ้านั้นนะ พอเจ้านั้น (ครอบครัวอื่น) เถ้าแก่ทำไปแล้ว เขาอยู่เย็นเป็นสุข มั่งมี ทำให้เขามีเงินมีทอง เหมือนคนรวยไปเลย เถ้าแก่ทำแบบนั้นด้วยนะแต่จริงๆ เเล้วผมก็ทำแค่ความดีล่ะครับ เวลาจะบรรจุผมก็พูดแต่เรื่องดีๆ อย่างผมทำเนี่ยผมยังมีการขอขมาลาโทษ มีขอศีลขอพร มีขอบารมีคนตาย มอบบุญกุศลที่ตัวเองมีให้คนตายด้วย ผมยังมีเวลาไปทำ คนเขาชอบตรงนี้ครับ ผมทำมาปีนี้ก็เข้าปีที่ 70 แล้ว ผมไม่ต้องควักชีทออกมาอ่านเเล้วทำได้เลยพูดได้เลยจะให้พูดอะไรพูดได้เลยครับ มันอยู่ในสมองหมดเเล้ว
เป้าหมายในชีวิตของคุณลุงคืออะไร
เเค่นี้เท่าที่ผมพูดมานี่ ผมพอใจเเล้วครับ ผมมีความสุขเเล้ว ได้ช่วยเหลือคน มีความสุขมากๆ ครับ
ฝากถึงคนที่ใช้บริการ
ผมก็อยากจะบอกให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ถึงจะขายหีบก็จริง เเต่ผมก็ไม่ได้มาเรียกไถเอาเงินจากญาติผู้ตายหรืออะไร ถ้าคุณไม่มีเงินก็มาหาผม ผมช่วยยันเผาเลย ยันเผาคุณไม่ต้องจ่ายเงินแม้เเต่บาทเดียว เพราะเรามีเงินในตู้อยู่เป็นแสนๆ มีการมาบริจาคเดือนหนึ่งเป็นแสน ก็มีที่เขาบริจาคไว้ ผมก็เอาเงินตรงนี้มาช่วยเหลือกับคนที่เขาเดือดร้อน ผมอยากจะบอกให้ทุกท่านได้รับรู้ว่า ถ้าคุณเดือดร้อนเกี่ยวกับเรื่องตายให้มาหาผม ไม่มีเงินแม้เเต่บาทเดียว ก็ไม่ต้องตกใจ ผมไม่เอาเงินคุณ ผมจะช่วยเหลือให้คุณรอดพ้นจากวิกฤติที่คุณเป็นอยู่
แม้ในช่วงที่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีนัก ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นตัวเลขที่ไม่มีใครอยากให้เพิ่ม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การเข้ามาช่วยเหลือของสุริยาคอฟฟินนับเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ และหวังว่าจะไม่มีใครต้องมาเสียใจกับการจากไปเช่นกัน