65 ปี ไทยน้ำทิพย์ จาก ‘โคคา-โคล่า’ สู่เครื่องดื่มกว่า 250 รายการ พร้อมเดินหน้าต่อเพื่อลูกค้า ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มที่คนไทยนิยมกันมากที่สุด ในฐานะคนเมืองร้อน ที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือน้ำอัดลมนั่นเอง และถ้าพูดถึงชื่อ “โคคา-โคล่า” หรือ “โค้ก” คงไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน เพราะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มสุดซ่า ตัวช่วยคลายร้อน ดับกระหายและสร้างความสดชื่นได้ดีสุด ๆ แถมดื่มกับอะไรก็เข้ากัน
แบรนด์เครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก “โคคา-โคล่า” เข้ามาในไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 ซึ่งสมัยนั้นก็มี “ดิกซี่” เครื่องจักรบรรจุขวดเล็ก ๆ 2 เครื่อง ในโรงงานแถวถนนหลานหลวง ผลิตได้ประมาณ 160 ขวดต่อนาทีเท่านั้น และขายกันขวดละ 1 บาท แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เจ้าเครื่องดื่มน้ำดำซ่า ๆ นี่ดันฮิตติดตลาดสุด ๆ ด้วยรสชาติที่แปลกใหม่ ความสดชื่น ดับกระหายได้ดี ทำให้เครื่องดื่มโคคา-โคล่า ดังเป็นพลุแตก และไทยน้ำทิพย์ก็ถือกำเนิดขึ้นในตอนนี้นี่เอง
หลังจากเครื่องดื่มโคคา-โคล่า ฮ็อตอิตติดกระแสจนฉุดไม่อยู่หลังจากเริ่มวางขาย หลังจากนั้นในปีพ.ศ. 2502 ไทยน้ำทิพย์ก็ได้ถือกำหนดขึ้น จากความร่วมมือของกลุ่มนักธุรกิจไทยจากครอบครัวสารสิน เคียงศิริ และบุญสูง ที่ได้จับมือกับ บริษัท โคคา-โคล่า เอ็กซ์ปอร์ต คอร์ปอเรชั่น ก่อตั้งบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด เพื่อเข้ามาดูแลเรื่องการผลิตโคคา-โคล่าในประเทศไทย ที่ในตอนนั้นตลาดมีความต้องการสูงสุด ๆ หลังจากการเกิดขึ้นของไทยน้ำทิพย์ ก็ได้มีการขยายโรงงานผลิต “โคคา-โคล่า” เพิ่มขึ้นที่หัวหมาก โดยมีเครื่องจักรอัตโนมัติสมัยใหม่ถึง 3 เครื่องอยู่ที่นี่ เพื่อรองรับการผลิตที่มากขึ้น
จากวันนี้ถึงวันนี้ ไทยน้ำทิพย์ก็มีอายุครบ 65 ปีแล้ว
จากโรงงานเล็ก ๆ ตอนนี้ไทยน้ำทิพย์ มีโรงงานที่ทันสมัยระดับโลกถึง 5 แห่ง ในปทุมธานี รังสิต นครราชสีมา ขอนแก่น และลำปาง มีกำลังการผลิตรวมกันถึง 450 ล้านยูนิตเคสต่อปี มีสายการผลิตเครื่องดื่มแบบกระป๋องที่เร็วที่สุดในประเทศไทย ที่โรงงานปทุมธานี โดยสามารถผลิตเครื่องดื่มได้ 2,000 กระป๋องต่อนาที มีคลังสินค้ากว่า 50 แห่ง รถขนส่งสินค้าที่มีเทคโนโลยี Telematics และกล้อง AI ที่ทันสมัยกว่า 1,100 คัน พนักงานกว่า 8,000 คนทั่วประเทศ และมีผลิตภัณฑ์รวมกว่า 250 รายการ
ซึ่งการที่ โคคา-โคล่า ไทยน้ำทิพย์ อยู่กับเรามาได้นานขนาดนี้ ก็ไม่ใช่แค่เพราะมีเครื่องดื่มยอดฮิต แต่เป็นพราะปัจจัยหลาย ๆ อย่างรวมกัน ทั้งการอยู่ร่วมกับชุมชนโดยการเข้าไปพัฒนาและทำประโยชน์ให้ชุมชนรอบข้าง การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนผ่าน 3 เสาหลัก คือ
- การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ต้องบอกเลยว่าไทยน้ำทิพย์คิดถึงเรื่องนี้มาก ๆ ดังนั้นไทยน้ำทิพย์ จึงมีวิธีการจัดการน้ำที่ทั้งครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ทั้งลดการใช้น้ำ ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการบำบัดน้ำให้สะอาดได้มาตรฐานและนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกนำมาใช้ในทั้ง 5 โรงงานของไทยน้ำทิพย์ และลดการใช้น้ำได้จริงด้วย โดยใน 4 ปีที่ผ่านมา สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 907 ล้านลิตร!
- การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ซึ่งไทยน้ำทิพย์ก็มีการใช้พลังงานสะอาด ทั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาทั้ง 5 โรงงาน ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้ประมาณ 10% ของกระแสไฟฟ้าทั้งหมดที่ใช้ในโรงงาน นอกจากนี้ยังใช้รถไฟฟ้า ทั้งรถยก (EV Forklift) และรถขนส่งสินค้า (EV Truck) ด้วย
และที่ล้ำ ๆ ก็ยังมี ระบบ Telematics ในการขนส่ง ช่วยติดตามลดการใช้น้ำมัน และมีกล้อง AI ช่วย Monitor ความเสี่ยงของการขับขี่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงานขับรถด้วย
- สร้างวงจรปิดของบรรจุภัณฑ์
ไทยน้ำทิพย์ สนับสนุนวิสัยทัศน์ระดับโลก “World Without Waste” ของ “โคคา-โคล่า” ที่มีเป้าหมายที่จะพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2568 และใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 50% ในบรรจุภัณฑ์ โดยไทยน้ำทิพย์มุ่งมั่นลด (Reduce) การใช้บรรจุภัณฑ์ด้วยการลดปริมาณพลาสติกในบรรจุภัณฑ์ผ่านการ lightweight โดยยังคงรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ (Redesign) เพื่อให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ เช่นการเปลี่ยนขวด “สไปรท์” จากขวดสีเขียวเป็นขวดใส เพิ่มความสามารถในการนำบรรจุภัณฑ์กลับไปรีไซเคิล และสนับสนุนการจัดเก็บและรีไซเคิลขวดพลาสติกและกระป๋องที่ใช้แล้ว (Collection & recycling) โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน และองค์กรไม่แสวงผลกำไร เพื่อส่งเสริมการรีไซเคิลขยะพลาสติกในประเทศไทย และกระตุ้นให้ผู้บริโภครับรู้และมีส่วนร่วมในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 ไทยน้ำทิพย์ ร่วมกับ “โคคา-โคล่า” เปิดตัวขวด “โค้ก” ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 100% (ไม่รวมฉลากและฝา) หรือ Recycled PET (rPET) ในบรรจุภัณฑ์ขนาด 1 ลิตร และปีนี้ได้เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขนาด 300 มิลลิลิตร และ 510 มิลลิลิตร เพิ่มเติม ที่วางขายแล้วในห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านสะดวกซื้อทั่วไป
และนอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การดูแลพนักงาน จากการสัมภาษณ์พนักงาน และคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมา ต้องบอกเลยว่า ไทยน้ำทิพย์ ดูแลพนักงานเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ให้ทั้งโอกาส ความมั่นคง
การันตีได้จากรางวัลล่าสุดด้านทรัพยากรบุคคล Kincentric Best Employer Thailand 2024 และ HR Excellence Awards 2024 ระดับ Gold ‘Excellence in Corporate Wellness’ ที่การันตีความใส่ใจที่มีต่อพนักงานในองค์กรด้วย
ชมวิดีโอ 65 ปี ไทยน้ำทิพย์ได้ที่นี่เลย
นอกจากความมุ่งมั่นในการพัฒนา การไม่หยุดอยู่กับที่ และหมุนไปพร้อมกับโลก ทำให้ไทยน้ำทิพย์ อยู่กับคนไทยมาถึง 65 ปี และเต็มไปด้วยสินค้ามากมายเพื่อตอบทุกโจทย์ของผู้บริโภค มีการดูแลพนักงานที่ดี เพื่อความก้าวหน้าของพนักงานและขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กร มีนโนบายเพื่อความยั่งยืนเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และแน่นอนว่าหลังจากนี้ ไทยน้ำทิพย์ จะยังไม่หยุดพัฒนาเพื่อส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้กับผู้บริโภคอย่างเรา และเพื่อสังคมแน่นอน