เด็กจบใหม่เงินเดือน 18,000 บาท อยู่ได้จริงไหมในเมืองกรุงฯ

2 Min
3133 Views
27 Oct 2020

ตอนจบใหม่ คุณได้เงินเดือนเท่าไหร่?
แล้วตอนนั้นคุณใช้เงินพอหรือเปล่า?

 

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีเทรนด์ #ถ้าการเมืองดี เกิดขึ้น โดยหนึ่งในเนื้อหาที่เป็นถกเถียงกันก็คือ “ถ้าการเมืองดี เด็กจบใหม่อาจมีเงินเดือนถึง 40,000 บาท”

เราก็เลยหยิบยกประเด็นนี้มาคุยกันดีกว่า ว่าค่าครองชีพในเมืองใหญ่ และเงินเดือนที่เด็กรุ่นใหม่ได้รับในปัจจุบัน สอดคล้องกันหรือไม่?

จากข้อมูลของ Adecco Thailand ทำให้เราพอทราบว่า เด็กจบใหม่จะมีเงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 12,000-40,000 บาท โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 18,000-25,000 บาท

สายงานด้านเทคโนโลยีเป็นสายงานที่มีเงินเดือนสูงสุด โดย ‘Programmer/Software Developer’ มีเงินเดือนสูงสุดถึง 40,000 บาท

แต่ก็นั่นแหละครับ ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับเงินเดือนแบบนั้น เพราะฉะนั้น เราขอหยิบ ‘ค่ากลาง’ เงินเดือน 18,000 บาท มาพูดคุยกันในวันนี้

ด้วยเส้นทางที่ค่อนข้างหลากหลายของมนุษย์ เราลองยกกรณีตัวอย่างมาสักหนึ่งกรณี

เด็กต่างจังหวัดจบใหม่ เพิ่งเริ่มทำงานในเมืองใหญ่อย่าง ‘กรุงเทพฯ’ จำเป็นต้องเช่าหออยู่ ซื้อข้าวของเครื่องใช้เอง และจัดการเรื่องกินเองทุกมื้อ โดยเราแบ่งรูปแบบการใช้ชีวิตออกเป็น 2 แบบ คือ ‘ประหยัดมาก’ และ ‘ใช้สบายพอดีตัว’

ค่ากาแฟ

ขาดกาแฟเหมือนขาดใจ เราก็ขอกาแฟรถเข็นแก้วละ 20 บาท (หรือบางท่านอาจจะเพิ่มความหวานด้วยการทานชานม) หรือถ้าเอาแบบสบายก็เป็นกาแฟสดแก้วละ 50 บาท เดือนหนึ่งก็ตกราว 600 – 1,500 บาท

ค่าหอ

หากจะใช้แบบประหยัด หลายคนน่าจะเลือกอยู่หอกับเพื่อน เพราะจะได้แชร์ค่าเช่า ค่าน้ำค่าไฟกัน แต่ใครอยากอยู่คนเดียวก็ต้องยอมเสียเงินก้อนใหญ่ไปอีกหน่อย เราตีราคาหอขั้นต่ำๆ ที่พอมีอยู่ในเมือง (ถ้าใครอยู่บ้านก็จะสามารถประหยัดตรงนี้ไปได้เยอะ)

ค่าอาหารการกิน

คนที่อยู่หอจะเสียเงินจำนวนนี้ไปอีก เพราะต้องเสียเงินซื้ออาหารหรือวัตถุดิบเองทั้ง 3 มื้อ ส่วนคนที่อยู่บ้านอาจจะมีบางมื้อที่ทานกับที่บ้านได้ (คิดแบบประหยัด ข้าวน้ำ มื้อละ 50 บาท) แต่สิ่งสำคัญก็คือการออกไปตามร้านอาหาร บุฟเฟต์ ชาบู หมูกะทะ ว่าเราไปบ่อยแค่ไหน ไปบ้างหรือเปล่า?

ค่าเดินทาง

อยู่เมืองใหญ่ก็แทบจะปฏิเสธข้อนี้ไม่ได้เลย หากใครโชคดีรถเมล์ผ่านที่ทำงานก็อาจจะสะดวก แต่ถ้านับการใช้งานรถไฟฟ้าที่เป็นขนส่งมวลชนทั่วไปแบบสมาชิกก็จะตกอยู่เดือนละประมาณ 1,000 บาท รวมค่าวินมอไซค์หรือแท๊กซี่บ้าง ตัวเลขก็อาจจะอยู่ที่ประมาณ 1,500 – 3,000 บาท

ค่าความบันเทิงส่วนตัว

ประเด็นนี้คำนวณยากมาก มันเป็นเรื่องการใช้งาน Netflix การไปดูภาพยนตร์ที่โรงหนัง การไปสังสรรค์กับเพื่อน หรือความบันเทิงใจอื่นๆ แต่ถ้าโหมดประหยัดก็ขอกันเงินไว้ให้พื้นที่ตรงนี้สัก 1,500 บาท

ค่าข้าวของเครื่องใช้

ถุงขยะ เสื้อผ้า สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม น้ำยาล้างห้องน้ำ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผ้าอนามัย ทิชชู และอื่น ๆ อีกมาก เป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำ แล้วก็เป็นค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ (แต่บางอย่างก็ไม่ได้เสียทุกเดือน)

ค่าโทรศัพท์

อันนี้เป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน เราตีจากค่าแพคเก็จในราคาปกติที่เราคุ้นชิน โทรได้ ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ เราวางไว้ 500-1,000 บาท

*ข้อมูลนี้ แน่นอนว่ามันคงไม่ตรงสำหรับทุกคน เอาเป็นว่าใครเห็นด้วยกับค่าใช้จ่ายไหน หรือไม่เห็นด้วยกับประเด็นไหนก็มาแชร์กันได้ ซึ่งยังมีอีกหลายค่าใช้จ่ายที่เราไม่สามารถคำนวณได้ อย่าง ค่าอุปกรณ์ทำงาน การส่งเงินไปให้ที่บ้าน เสื้อผ้า สมาร์ตโฟน แล็บท็อป หรือแม้กระทั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในหอ (ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ ฯลฯ)

เราจะเห็นเลยว่า ถ้าเป็นคนที่ต้องเสียค่าหอ และค่ากินเองทุกมื้อ การใช้ชีวิตในช่วงจบใหม่นั่นเรียกว่าพอดีตัวมาก แทบจะไม่สามารถใช้ชีวิตตามใจได้อย่างเต็มรูปแบบเลย แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณเป็นเด็กที่อยู่กับพ่อแม่อยู่แล้ว ก็สามารถประหยัดค่าใช้เรื่องหอ เรื่องการกิน เรื่องข้าวของในบ้านได้ และอาจจะพอมีโอกาสใช้ชีวิตในแบบที่ 2 ได้อย่างไม่เกินเงินเดือนที่ได้รับ

แล้วคุณล่ะครับ คิดเห็นอย่างไร มาร่วมแชร์ให้เราฟังหน่อย!