133 ปี ชาตกาล ‘ศิลป์ พีระศรี’ กับ 20 เรื่องราวชีวิตของ บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยไทย
วันที่ 15 กันยายน 2568 เป็นวันครบรอบ 133 ปี ชาตกาลของ ‘ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี’ ผู้มีคุณูปการสำคัญต่อวงการศิลปะไทย
BrandThink จึงได้รวบรวม 20 เรื่องราวที่น่าสนใจของ ‘บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยไทย’ เพื่อทำความรู้จักเขาในแง่มุมต่างๆ ของชีวิตในแง่มุมต่างๆ รอบตัวทั้งผลงาน สังคม และความรัก
1 – ‘ศิลป์ พีระศรี’ เดิมชื่อ ‘คอร์ราโด เฟโรชี’ (Corrado Feroci) เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2435 (ค.ศ. 1892) ณ เขตซานโจวานนี เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
2 – แรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากเรียนศิลปะ คือ ผลงานของ ‘มีเกลันเจโล’ (Michelangelo) และ ‘โลเรนโซ กีแบร์ตี’ (Lorenzo Ghiberti) ที่อยู่ในมหาวิหารฟลอเรนซ์
3 – ความต้องการเดินบนเส้นทางศิลปะของศิลป์ สวนทางกับความคาดหวังของครอบครัวที่ต้องการให้เขาเข้ามาสานต่อธุรกิจค้าขายของครอบครัว เขาจึงมีความขัดแย้งกับครอบครัวในประเด็นนี้
4 – แต่ความมุ่งมั่นแน่วแน่ในเส้นทางนี้ จึงทำให้เขาได้สมัครเป็นลูกมือทำงานให้กับศิลปินในเมืองฟลอเรนซ์ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และหาเงินเป็นทุนการศึกษา จนในที่สุด เขาก็ได้เข้าศึกษาในราชวิทยาลัยศิลปะแห่งนครฟลอเรนซ์ (The Royal Academy of Art of Florence) ในปี 2451 โดยจบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และได้รับประกาศนียบัตรช่างเขียนและช่างปั้นในปี 2458
5 – หลังสำเร็จการศึกษาไม่นาน ศิลป์สอบแข่งขันและได้รับคัดเลือกเป็นศาสตราจารย์ประจำราชวิทยาลัย ทำให้ศิลป์เป็นศาสตราจารย์ในขณะที่อายุยังน้อยมาก
6 – จุดเริ่มต้นที่ทำให้ศิลป์ได้เริ่มเข้ามาสู่แผ่นดินสยาม คือชนะการประกวดการออกแบบเหรียญเงินตราสยามที่จัดขึ้นในยุโรป ประกอบกับในช่วงเวลานั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ต้องการบุคลากรที่เชี่ยวชาญในด้านศิลปะตะวันตกเพื่อที่จะเข้ามารับราชการเป็น ‘ช่างปั้น’ และทำการฝึกสอนช่างไทยให้มีความสามารถในการสร้างงานประติมากรรมแบบตะวันตกได้ รัฐบาลอิตาลีจึงเสนอท่านมาให้สยามพิจารณา
7 – ศิลป์จึงได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยพร้อมภรรยา ‘แฟนนี วิเวียนี’ (Fanni Viviani) และลูกสาว ‘อิซาเบลลา’ (Isabella) ด้วยการล่องเรือมาตามลำน้ำเจ้าพระยาในปี 2466 ตามหมายของรัฐบาลสยาม
8 – ในหนแรก ศิลป์ได้รับแบบทดสอบให้ปั้นพระรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จากรูปถ่าย ซึ่งแบบที่มาแค่รูปถ่ายนั้นก็ยากที่จะปั้นให้สมจริง ด้วยเหตุนี้เขาจึง ‘สอบไม่ผ่าน’
9 – ศิลป์จึงเคว้งคว้างอยู่พอสมควร เพราะเมื่อเขาเดินทางมาแล้ว แต่กลับไม่ได้ทำงาน จนมีคนแนะนำให้รู้จักและเข้าไปปรึกษา ‘สมเด็จครู’ หรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดดิวงศ์ ผู้ที่ได้รับการเชิดชูว่าเป็นนายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม สมเด็จครูจึงได้ให้ศิลป์ทดสอบด้วยการปั้นรูปตนเอง โดยที่ท่านกรุณาเป็นแบบให้ ด้วยฝีมือเป็นอันที่ประจักษ์เข้าตาสมเด็จครู ศิลป์จึงได้เข้ามารับราชการเป็นช่างปั้นประจำกรมศิลปากร กระทรวงวัง เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2466 โดยทำสัญญาเป็นเวลา 3 ปี ได้เงินเดือน 800 บาท
10 – งานใหญ่ครั้งแรกของศิลป์ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 คือการปั้นพระบรมรูปสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ในวาระฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 150 ปี โดยเริ่มปั้นในตั้งแต่ปี 2472 และนำไปหล่อที่อิตาลีเมื่อปี 2473 เพราะวิทยาการของสยามในเรื่องนี้ยังไม่ทันสมัยมากนัก โดยศิลป์ได้ไปควบคุมกระบวนการนี้ด้วยตนเอง จนกระทั่งเสร็จทันพิธีเปิดพระปฐมบรมราชานุสรณ์ในวันที่ 6 เมษายน 2475
11 – นอกจากผลงานที่กล่าวไว้ข้อก่อนหน้า ศิลป์ยังมีผลงานประติกรรมที่โดดเด่นอีกมากมายที่เกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 โดยเฉพาะอนุสาวรีย์สำคัญๆ อย่าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นต้น
12 – ศิลป์มีส่วนในการก่อกำเนิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งแรกของประเทศไทย โดยในช่วงปี 2476-2477 ‘โรงเรียนประณีตศิลปกรรม’ ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งศิลป์มีส่วนในการวางหลักสูตรวิชาจิตรกรรมและประติมากรรม ต่อมาในปี 2478 ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘โรงเรียนศิลปากร’ จนในวันหนึ่งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในเวลานั้น เดินทางมาชมงานศิลปะและเห็นถึงความสำคัญของศิลปะ บวกกับได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ศิลป์ ด้วยเหตุนี้จึงได้ยกฐานะโรงเรียนศิลปากรขึ้นเป็น ‘มหาวิทยาลัยศิลปากร’ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2486 และอาจารย์ศิลป์จึงได้เข้ามารับตำแหน่งคณบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยควบคู่กับตำแหน่งอาจารย์อีกด้วย
13 – เมื่อปี 2486 ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 อิตาลีได้ย้ายฝั่งมาอยู่กับฝ่ายสัมพันธมิตร ทำให้อาจารย์ศิลป์ในฐานะคนอิตาลีถูกทางการญี่ปุ่นควบคุมตัวไปเป็นเชลย เพราะไทยเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นซึ่งเป็นฝ่ายอักษะตั้งแต่ 2484 แต่อาจารย์ศิลป์ก็รอดมาได้ด้วยการเจรจาของ ‘หลวงวิจิตรวาทการ’ อธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้น
14 – ในเหตุการณ์เดียวกันนี้ อาจารย์ศิลป์จึงได้โอนสัญชาติเป็นไทย และได้เปลี่ยนชื่อ-นามสกุลเป็นภาษาไทยว่า ‘ศิลป์ พีระศรี’ ในช่วง 2486-2487
15 – ระหว่างที่อาจารย์ศิลป์อยู่ในประเทศไทย เขาเดินทางกลับอิตาลีเพียง 4 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 ปี 2473 ครั้งที่ 2 ปี 2481 ครั้งที่ 3 ปี 2490 และครั้งที่ 4 ในปี 2492
16 – เอาเข้าจริงแล้วการเดินทางกลับอิตาลีในเดือนเมษายน 2492 เป็นครั้งศิลป์อาจจะไม่กลับมาไทยอีก ส่วนหนึ่งก็เพราะปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นจากสภาวะสงคราม แต่ด้วยความห่วงใยที่มีต่อลูกศิษย์บวกกับการเชื้อเชิญของทางการไทยและการเพิ่มเงินเดือนให้ ศิลป์จึงยอมกลับมาประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน 2492
17 – การเดินทางมายังประเทศไทยในปี 2492 ทำให้ศิลป์กับแฟนนีเกิดความไม่เข้าใจกัน บวกกับเธอยังห่วงลูกที่อยู่อิตาลีและขายบ้านที่ไทยไปหมดแล้ว ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้ตามศิลป์กลับมาไทย และถือเป็นการยุติความสัมพันธ์ของสามีภรรยาคู่นี้ลง ศิลป์จึงได้แต่งงานใหม่กับ ‘มาลินี เคนนี’ ในปี 2502
18 – มาลินีระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับศิลป์เป็นความสัมพันธ์ที่มีความเสมอภาคระหว่างกัน มีความรักความเข้าใจซึ่งกันและกัน เป็นที่พึ่งพิงให้แก่กันในรูปแบบ ‘Companinship & Togetherness’ มากกว่าจะเป็นครอบครัวที่มีผู้นำ
19 – ศิลป์ พีระศรี เสียชีวิตเนื่องจากหัวใจล้มเหลวหลังการผ่าตัดโรคมะเร็งในลำไส้ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2505 ที่โรงพยาบาลศิริราช รวมอายุ 69 ปี 8 เดือน 29 วัน ได้รับการพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 17 มกราคม 2506 ณ วัดเทพศิรินทราวาส
20 – วาทะ “ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น” ศิลป์ พีระศรีไม่ได้เป็นผู้คิดวาทะนี้เป็นคนแรก แต่มีการสันนิษฐานว่าเป็นหมอในยุคกรีกที่ชื่อว่า ‘ฮิปโปกราเตส’ (Hippocrates) ซึ่งบันทึกไว้ในตำราของตัวเองว่า “ชีวิตสั้น ศิลปะยืนยาว วิกฤตในพริบตา ประสบการณ์ในภยันตราย และการตัดสินใจที่ยากลำบาก” แต่ก็เป็นอีกหนึ่งประโยคสำคัญที่ทำให้เรามองเห็นแก่นแกนของศิลปะได้เป็นอย่างดี
อ้างอิง:
- วิจิตร อภิชาติเกรียงไกร (บรรณาธิการ). 109 ปีชีวิตและจิตวิญญาณ ศิลป์ พีระศรี. SARAKADEE LITE. ศิลป์ พีระศรี อาจาย์ฝรั่งผู้อุทิศชีวิตให้ศิลปะจนไม่มีคำว่า พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว. https://tinyurl.com/44fwy43u
- ประภาส อิ่มอารมณ์. คอฟีฟี่เบรก/ศาสตาจารย์ศิลป์ พีระศรี (อาจารย์ฝรั่งของลูกศิษย์). https://tinyurl.com/rd96x39p
- ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ. อ.ศิลป์ พีระศรี ไม่ใช่ผู้ประดิษฐ์ภาษิต ‘ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น’. https://tinyurl.com/322yx24n