โลกร้อนอาจทำ ‘หมีขั้วโลก’ สูญพันธุ์ในปี ค.ศ.2100

3 Min
381 Views
08 Sep 2020

แต่ไหนแต่ไรมาเมื่อพูดถึง ‘โลกร้อน’ สัญลักษณ์หนึ่งที่แสดงออกมาให้เห็นอยู่เสมอ คือภาพ ‘หมีขั้วโลก’ ตัวขาวกำลังนั่งเดียวดายบนแผ่นน้ำแข็งชิ้นเล็กกลางผืนทะเลเวิ้งว้าง

จินตนาการนั้น ถอดความมาจากประเด็นที่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อโลกร้อนจนภูเขาน้ำแข็งที่เคยตั้งตระหง่านพังทลายลงมาเหลือเพียงชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น จนบางเมืองกลายเป็นนครใต้บาดาล แต่ยังหมายถึงชีวิตสัตว์ที่ต้องพึ่งพาแผ่นน้ำแข็งอย่างหมีขั้วโลกต้องประสบชะตากรรมที่มันไม่ได้ก่อ

1.

หมีขั้วโลกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม

หากต้องอยู่ตัวเดียว มันคงไม่เหงา และก็คงไม่มีหมีตัวไหนจะจมน้ำตาย เพราะพวกมันเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างแข็งแรง ว่ายน้ำแต่ละครั้งได้ไกลถึง 100 ไมล์เลยทีเดียว

แต่ปัญหาใหญ่ของพวกมัน คือ จะอยู่ต่อไปอย่างไร เมื่อต้องติดเกาะร้าง ไร้อาหาร แบบเดียวกับมุกคลาสสิคบนปกการ์ตูนขายหัวเราะ

จินตนาการนี้ดูเหมือนจะเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะเมื่อนักวิจัยได้ลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น เมื่อเดือนที่แล้ว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ประเทศแคนาดา ค้นพบว่า หากเรายังปล่อยให้สถานการณ์โลกร้อนยังคงดำเนินไปโดยไม่ลงมือแก้ไขใดๆ หมีขั้วโลกจะสูญพันธุ์ในปี ค.ศ. 2100 หรืออีก 80 ปีข้างหน้าแน่นอน

ปัจจุบัน แผ่นน้ำแข็งกำลังละลายมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลจากนักวิจัยระบุว่า ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ทะเลน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือหายไปราว 13% ในทุกๆ สิบปี

ผลที่ตามมา เราอาจได้เห็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมากมายหลายเรื่อง

เราค้นพบพืชดึกดำบรรพ์ที่ถูกน้ำแข็งปกคลุมมาแต่อดีต เราได้เห็นภาพสุนัขลากเลื่อนเสมือนวิ่งอยู่บนผืนน้ำ เพราะน้ำแข็งละลายจนน้ำท่วมเส้นทางสัญจรที่เคยใช้มานมนาน

เหล่านี้ล้วนเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าการละลายของน้ำแข็งเริ่มเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศต่างๆ ไปเรื่อยๆ ยิ่งปล่อยไว้นาน ก็ยิ่งพบสิ่งไม่คาดฝันมากขึ้น

ในกรณีของหมีขั้วโลก ปัญหาที่พวกมันต้องเผชิญ ก็เริ่มมีสัญญาณให้เห็นมาสักระยะหนึ่งแล้ว…

2.

ก่อนที่เราจะทราบว่าหมีขั้วโลกคงอยู่ได้แค่อีก 80 ปี เราได้เห็นภาพหมีขาวผอมโซอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นักวิจัยกลุ่มหนึ่งพบว่า ประชากรหมีกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่บริเวณอ่าวแบฟฟิน ทางตะวันตกของกรีนแลนด์ ชายขอบของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือกว่า 300 ตัว มีหมีไม่ถึง 50 ตัวที่อ้วนถ้วนสมบูรณ์อย่างภาพหมีที่เรารู้จัก

ภาวะผอมโซจนเกือบจะเห็นหนังหุ่มกระดูกเกิดขึ้นเพราะหมีขั้วโลกต้องใช้ชีวิตอยู่บนแผ่นดินนานกว่าปกติ เนื่องจากไม่มีแผ่นน้ำแข็งให้พวกมันออกไปล่าเหยื่อ

อย่างแมวน้ำที่มักอาศัยและซ่อนตัวอยู่ตามแผ่นน้ำแข็ง พวกมันต้องรอ รอ และรอนานขึ้น จนแผ่นน้ำแข็งกลับมารวมตัวกันใหม่ตามช่วงเวลาที่หนาวเย็นที่สุดของฤดูกาล

ส่วนพวกที่รอไม่ได้ เราก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างการเข้าบุกรุกถิ่นที่อยู่อาศัยของคน เพื่อคุ้ยเขี่ยหาอาหารในถังขยะราวสัตว์จรจัดในเมืองใหญ่

แน่นอนว่า นั่นไม่ได้ส่งผลดีต่อพวกมันนัก ในแง่ของพลังงานที่ได้รับจากอาหาร ซ้ำยังก่อให้เกิดความขัดแย้ง เกลียดชัง หวาดกลัว ระหว่างคนกับสัตว์ให้เพิ่มมากขึ้น

3.

พวกหมีหันไปกินพืชจำพวกมอสที่ขึ้นอยู่บนแผ่นดินแทนการออกหาปลาหรือล่าแมวน้ำ

ซึ่งเดิมทีพวกมันก็กินพืชกันบ้างอยู่แล้ว แต่เรื่องน่าห่วงคือ การตรวจซากหมีที่ตายในระยะหลังมักพบแต่พวกพืชผักอยู่ในกระเพาะมากกว่าเนื้อ

การรอที่นานขึ้น หรือกินสิ่งที่ไม่คุ้นมากขึ้น ทำให้พวกมันต้องใช้พลังงานจากไขมันที่สะสมในร่างกายไปเรื่อยๆ จนเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร

ภาวะเหล่านี้ยังส่งผลไปถึงเรื่องการสืบพันธุ์ ออกลูกออกหลาน

การขาดสารอาหารที่เพียงพอ จะทำให้ไขมันในร่างกายลดต่ำลงจน หมีเพศเมียไม่อาจผลิตน้ำนมให้ลูกในช่วงฤดูร้อน ซึ่งทำให้ลูกหมีต้องล้มหายตายจากกันไปก่อนจะกลายเป็นหมีผู้ใหญ่

ปัจจุบัน นักวิจัยต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อัตราการมีลูกของหมีขั้วโลกลดลงอย่างผิดปกติมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะอัตราการสืบพันธุ์ลดต่ำลง

ปกติหมีเพศเมียจะมีลูกคราวละ 2 ตัว จะมีบ้างที่มากถึง 4 ตัว อายุขัยจะเฉลี่ยอยู่ที่ 30 ปี

ข้อมูลจากการสำรวจล่าสุด ระบุว่า มีหมีขั้วโลกที่เหลืออยู่ราว 25,000 ตัว สามารถแบ่งตามถิ่นที่อยู่อาศัยออกได้เป็น 19 กลุ่มใหญ่ตามสถานที่ต่างๆ

ในจำนวนนั้น มีอย่างน้อย 2-3 กลุ่ม อยู่ในขั้นวิกฤติ อาจไม่รอดภายใน 20 ปีข้างหน้า

ส่วนกลุ่มที่เหลือ หากเราไม่ลงมือแก้ไขปัญหาที่เป็นอยู่ตั้งแต่ตอนนี้ หลังจากปี 2100 เป็นต้นไป เราคงต้องแก้ไขข้อมูลบนแพลตฟอร์มต่างๆ ตั้งแต่วิกิพีเดียไปจนเนื้อหาในหลักสูตรการศึกษาเสียใหม่

ว่า… หมีขั้วโลก เป็นสัตว์กินเนื้อบนพื้นดินที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งบรรพบุรุษของมนุษย์เมื่อ 80 ปีก่อน ทำให้พวกมันสูญพันธุ์ไปจากโลก…

อ้างอิง:

  • Scottie Andrew. Polar bears are getting thinner and having fewer cubs. Melting sea ice is to blame. https://cnn.it/2DTYi0X
  • Gloria Dickie. Most polar bears to disappear by 2100, study predicts. https://bit.ly/3ai0V8V
  • The New York Times. Global Warming Is Driving Polar Bears Toward Extinction, Researchers Say. https://nyti.ms/3gUW2F2