หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง โลกก้าวเข้าสู่ยุคสงครามเย็นที่ชูการต่อสู้ทางความคิดทางการเมืองของโลกเสรีกับคอมมิวนิสต์ พร้อมการสนับสนุนอำนาจทางทหารจากประเทศมหาอำนาจใหญ่ๆ ในทศวรรษ 1960 การรบในภูมิภาคอินโดจีนดุเดือดรุนแรงดุเดือดโดยเฉพาะในเวียดนามที่ทุกคนรู้จักดี
แต่ในขณะที่การรบในเวียดนามเสียงดังก้องโลก ข้างเคียงกันมีการต่อสู้อย่างเงียบๆ ของ “สงครามลับในลาว” (Secret war in Laos) เกิดขึ้น
แน่นอนว่า สิ่งที่เงียบไม่ใช่เสียงระหว่างการสู้รบของรัฐบาลราชอาณาจักรลาวถูกฝั่งเสรีสนับสนุน กับฝั่งคอมมิวนิสต์ (ขบวนการประเทศลาว และกองทัพประชาชนเวียดนาม) ซึ่งสืบเนื่องมาจากคอมมิวนิสต์จากเวียดนามเหนือ ลาวเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดมากที่สุด มีการทิ้งระเบิดโดยกองกำลังสหรัฐในประเทศลาวถึง 2 ล้านตัน มากกว่าการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองซะอีก
ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถึงถูกเรียกว่าเป็นสงครามลับ?
ต้องเล่าก่อนว่า หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่สอง และลาวหลุดการเป็นประเทศใต้อาณานิคมจากฝรั่งเศส
ต่อมาในปี 1954 ได้มีการลงชื่อในสนธิสัญญาเจนีวา ซึ่งประเทศกลุ่มสมาชิก ซึ่งมีสหรัฐ และเวียดนามเหนืออยู่ในนั้น รับรองให้ลาวประกาศตัวเป็นกลาง ว่าจะไม่เข้าร่วมทางการทหารกับประเทศใดๆ ไม่เข้าข้างใคร และไม่เป็นศัตรูกับใคร
แต่โลกแห่งความจริงไม่เป็นไปตามสนธิสัญญา สหรัฐอเมริกาหนุนฝั่งเสรีในลาว โดยการส่งเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง (CIA) เข้าไปในฐานะ “พลเรือน” และตั้งศูนย์กลางข่าวกรองในประเทศไทย พร้อมทั้งว่าจ้างกองกำลังทหาร-ตำรวจไทยนอกราชการ ไปรบในฐานะ นักรบนิรนาม 333 รวมถึงกลุ่มนักรบชาวเขาในชายแดนลาวกว่า 30,000 คน ร่วมประเทศพันธมิตรบางส่วน ไปรบกับฝ่ายคอมมิวนิสต์จากเวียดนามเหนือ ที่ส่งคนเข้ามาสนับสนุนฝ่ายซ้ายในลาวเช่นเดียวกัน
การต่อสู้เริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อเวียดนามเหนือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในลาวเหนือ ภายใต้ชื่อ สายการบินพาณิชย์ Air America เริ่มมีการส่งอาวุธและเสบียง รวมถึงมีเครื่องบินรบเข้ามาในพื้นที่ มีการทิ้งระเบิดจำนวนมากในประเทศลาว
ตอนนั้นลาวเป็นพื้นที่การสู้รบระหว่างคนลาว อเมริกัน ไทย ชาวเขา เวียดนามใต้ และเวียดนามเหนือที่สนับสนุนด้วยโซเวียตอีกที
สรุปก็คือเป็นปฏิบัติการ “ลับ ๆ” ที่แทบทุกฝ่าย “รู้กัน” แต่ทำเป็นไม่รู้เท่านั้นเอง
หลังจากการต่อสู้หลายปี สงครามลับก็จบลงด้วยชัยชนะของฝั่งคอมมิวนิสต์
ปี 1973 สหรัฐลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับเวียดนามเหนือและถอนทหารออกจากอินโดจีน ทำให้ภารกิจในลาวต้องสิ้นสุดไปด้วย
ส่วนประเทศไทยที่ “ให้” กองกำลังทหารไปร่วมรบ (แต่ต้องลาออกจากราชการก่อน) จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยยอมรับว่ามีปฏิบัติการลับในลาวเกิดขึ้น
ทว่าในวันทหารผ่านศึก สมาคมนักรบนิรนาม 333 ยังคงออกมาเรียกร้องให้ทางภาครัฐนำอัฐิของทหารไทยที่เรียกกันในชื่อ “เสือพราน” ที่เสียชีวิตหลายคนในสงครามครั้งนั้นกลับประเทศ
แม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะดูเอิกเกริกชนิดที่ไม่น่าจะเรียกว่า “ลับ” ได้ แต่สำหรับประชาชนทั่วไปในสมัยนั้นที่รับข้อมูลข่าวสารได้อย่างจำกัด สงครามครั้งนี้จึงกลายเป็นเรื่อง “ลับ” และไม่มีใครรับรู้นอกจากสงครามเวียดนามที่เป็นข่าวใหญ่ระดับโลก
สมัยนี้คนมีอำนาจเข้าถึงข้อมูลมากกว่าเดิมหลายเท่าก็จริง แต่คุณคิดว่าการปกปิดเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้ ยังคงดำเนินอยู่รึเปล่า?
อ้างอิง: