กว่า 500 บริษัทยกเลิกการโฆษณาบนเฟซบุ๊กเพราะปัญหา Hate speech ในขณะที่เฟซบุ๊กจะแก้ไขปัญหาด้วยป้ายเตือน แต่จะไม่เปลี่ยนนโยบาย เพราะรายได้ลดลง นี่คือปัญหาครั้งใหม่หลังจากเฟซบุ๊กทำข้อมูลรั่วไหลไป 50 ล้านบัญชีเมื่อ 2 ปีก่อน
หรือนี่จะเป็นสัญญาณนับถอยหลังสิ้นสุดยุคเฟซบุ๊ก?
————————–—————
ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน หลายแบรนด์ดังระดับโลกเริ่มบอยคอตเฟซบุ๊ก เนื่องจากเฟซบุ๊กจัดการกับ Hate Speech แทบไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ สีผิว เพศ ไปจนถึงความขัดแย้งทางการเมือง
โดยเฉพาะกรณี #BlackLivesMatter ยิ่งทำให้เห็นการสาดความเกลียดชังใส่กันอย่างชัดเจน แบรนด์ต่างๆ มองว่านี่คือแพลตฟอร์มที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเกลียดชัง จนเกิดแฮชแท็ก #StopHateForProfit (หยุดสร้างความเกลียดชังเพื่อผลประโยชน์)
ที่โดนเพ่งเล็งสุดๆ หนีไม่พ้นโพสต์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับข้อความแสบทรวงที่มักสร้างการโต้เถียงและเกลียดชังบนโลกออนไลน์บ่อยครั้ง เพราะโลกออนไลน์เป็นพื้นที่สำคัญในการ ‘หาเสียง’ และเคลื่อนไหวทางการเมืองเช่นกัน
ปัจจุบันแบรนด์ดังกว่า 500 แบรนด์ร่วมแคมเปญหยุดการลงโฆษณาบนเฟซบุ๊ก ไม่ว่าจะเป็น Adidas, Ben & Jerry’s, Coca Cola, CVS, Ford, Honda, HP, Lego, Microsoft, Puma, The North Face, Starbucks รวมกับอีกหลายสิบแบรนด์ชื่อดัง
อย่างไรก็ดี ทางเฟซบุ๊กพยายามแก้ปัญหาโดยระบุว่าจะ “ติดป้ายเตือน” แจ้งก่อนอ่านข้อความหรือโพสต์ที่อาจสร้างความเกลียดชังหรือไม่เป็นไปตามกฎของเเฟซบุ๊ก แต่เฟซบุ๊กจะไม่เปลี่ยนนโยบาย เนื่องจากส่งผลกระทบต่อรายได้หรือสปอนเซอร์
ในแต่ละปีเฟซบุ๊กทำเงินจากการเปิดพื้นที่โฆษณาได้มากถึง 6.97 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 2.15 ล้านล้านบาท และการบอยคอตนี้อาจทำให้สูญเสียเงินไปอย่างน้อย 7 พันล้านดอลลาร์
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาทางเดียวที่เฟซบุ๊กเจอ หลายคนทราบดีว่า เมื่อปี 2018 เฟซบุ๊กมีปัญหาทำข้อมูลผู้ใช้รั่วไหลครั้งใหญ่ถึง 50 ล้านบัญชี จนต้องจ่ายค่าปรับมากกว่า 150,000 ล้านบาท หลังจากนั้นเฟซบุ๊กก็พยายามประกาศมาตรการป้องกันอีกหลายข้อ เช่น แจ้งเตือนเจ้าของข้อมูลเมื่อมีการนำไปใช้ หรือให้รางวัลผู้ที่ค้นพบข้อบกพร่อง แต่ผู้ใช้บางส่วนยังไม่มั่นใจเรื่องการรักษาความปลอดภัยของเฟซบุ๊กเท่าไรนัก
จากมรสุมที่รุมเร้า หลายคนมองว่านี่อาจเป็น ‘ขาลง’ ของเฟซบุ๊กแล้ว เช่นเดียวกับเมื่อ 10 กว่าปีก่อนก็คงไม่มีใครคาดคิดว่า MSN จะตายสนิทหายไปจากโลก เพราะตอนนั้นการพูดคุยผ่าน MSN เป็น ‘กิจกรรมหลัก’ ที่คนในโลกออนไลน์สื่อสารกัน แต่วันหนึ่งสิ่งนั้นก็กลายเป็นอดีต
ในขณะที่เกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆ ขึ้นตลอดเวลา เฟซบุ๊คจะอยู่ยั่งยืนยงคงเรื่องในนิยาย ในช่วงโควิด-19 แพลตฟอร์มอย่าง Tiktok ก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มใหม่ที่เรียกว่า ‘แจ้งเกิด’ อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ขณะเดียวกัน คนบนโลกออนไลน์ก็เริ่มอพยพไปอยู่บนทวิตเตอร์เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ แทบทุกคนก็ยังมีบัญชีเฟซบุ๊กเป็นพื้นฐาน แต่จากปัญหารุมเร้าอย่างหนักหน่วงในช่วงนี้ คำถามคือเฟซบุ๊กจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน หรือนี่อาจเป็นสัญญาณนับถอยหลังของเฟซบุ๊กกันแน่?
คุณล่ะ คิดว่าจะเล่นเฟซบุ๊กไปอีกนานแค่ไหน?
อ้างอิง: CNN. Facebook boycott: View the list of companies pulling ads. https://cnn.it/38rLUR0
The guardian. Mark Zuckerberg: advertisers’ boycott of Facebook will end ‘soon enough’. https://bit.ly/31COAd2
The New York Times. Facebook Security Breach Exposes Accounts of 50 Million Users. https://nyti.ms/3glD0qJ
FTC. FTC Imposes $5 Billion Penalty and Sweeping New Privacy Restrictions on Facebook. https://bit.ly/31BIF89