เนื้อหมูแดดเดียวตรา ‘อีเหมียวปีนตู้กับข้าว’ แบรนด์ขายขำที่เบื้องหลังไม่ตลกอย่างที่คิด

“ช่วงโควิด-19 งานมันน้อยลง เอาจริงๆ คือไม่มีงานเลย ไม่มีเงินเข้าบ้านแต่รายจ่ายเท่าเดิม เลยต้องหาอาชีพใหม่แบบเร่งด่วน เราคิดว่าจะทำอาหารที่สามารถเก็บได้นาน ทำได้ด้วยต้นทุนที่ไม่มาก ไม่ใช้อุปกรณ์เครื่องครัวเยอะ
เลยมาตกที่หมูแดดเดียว คิดปุ๊บก็รีบทำเลย ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์เรื่องทำอาหารมาก่อน ฝึกทำทุกวัน กินทุกวัน ให้ทุกคนในบ้านลองชิมจนได้สูตรที่อร่อยที่สุด”
แม้จะเริ่มจากศูนย์ แต่ ‘เม’ สามารถคลอดแบรนด์ ‘อีเหมียวปีนตู้กับข้าว’ ได้ภายในไม่ถึง 2 สัปดาห์
“ด้วยความที่เราคิดว่าเราจะทำยังไงให้เราได้เงินเร็วที่สุด จะทำธุรกิจยังไงให้คนสนใจในเวลาอันรวดเร็ว เราเลยคิดว่าเราจะทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ร้านหมูแดดเดียวหรือแบรนด์อื่นๆ เขาทำกัน
“ปกติร้านขายหมูแดดเดียวโลโก้ต้องเป็นหมู แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้จะใช้รูปอะไรดี เลยเลื่อนโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ แล้วเผอิญไปเจอรูปนึงที่ถ่ายเก็บไว้ ช่วงนั้นอีเหมียวมันขึ้นไปปีนตู้กับข้าวเพราะมีจิ้งจกอยู่บนนั้น
พอเรากดถ่ายรูปแล้วเผลอยิงแฟลชเข้าไป ตามันกระทบแสงพอดี รู้สึกว่ารูปนี้ได้เลย ก็เลยลองมาทำโลโก้แล้วส่งไปให้เพื่อนดู ปรากฏว่าทุกคนชอบ เลยกลายเป็นโลโก้แบรนด์ภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมง เสร็จปุ๊บก็เปิดเพจเลย

“มีคนบังเอิญเจอเพจ แล้วเอาไปแชร์ลงกลุ่มทาสแมว ตอนนั้นเราไม่ได้โปรโมตเพจเลย ออร์เดอร์มันเข้ามาแบบท่วมท้นมาก เกินกว่าที่เราจะรับได้ เคลียร์ออเดอร์ประมาณครึ่งเดือนถึงจะเคลียร์หมด
ดีใจด้วยส่วนหนึ่งนะ แต่ตอนแรกเครียดมาก กดดันตรงที่เราจะทำยังไงให้ทันใจลูกค้า
“เราก็มานั่งคิดว่าคอนโดตากเนื้อก็ไม่เพียงพอแล้วจะทำยังไง ตื่นเช้ามาก็เสิร์ชหาร้านที่เป็นตู้อบ แล้วก็ไปซื้อวันนั้นเลย ได้ของมาตอนบ่ายเราก็รีบอบ แล้วก็รีบหาสินค้าที่ขายได้เลยมาแก้หน้า พอดีรู้จักรุ่นน้องที่ขายหมูแผ่น ก็เลยสั่งมาชิม แล้วรับมา 500 ถุง ซึ่งขายหมดใน 1 สัปดาห์”

“เมื่อก่อนใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป ทำงานชิลล์ๆ งานออกแบบมันไม่ได้เร่ง เราไม่ได้นึกถึงอย่างอื่นมากมาย เพราะมันมีแค่ตัวเรา รับงานคุยกับลูกค้า ไม่ต้องดูแลหรือเอาใจใคร
แต่พอเป็นธุรกิจมันเป็นอีกเรื่องนึง เปลี่ยนตัวเองแบบพลิกเลย เบื้องหลังมันค่อนข้างวุ่นวาย ด้วยความที่เราไม่เคยทำธุรกิจ ทุกวันนี้ก็มีอะไรให้ต้องศึกษาอยู่เรื่อยๆ
“การทำอาหารสำหรับเราในตอนนั้นมันไม่เท่ ขายของแบบนี้มันไม่เท่เลย เราอยู่ในวงการนักออกแบบ ทำงานภาพประกอบ มีเพื่อนในแวดวงนั้นที่ไปออกงานอาร์ตแฟร์ต่างๆ รู้สึกว่าลุคนักออกแบบมันต้องดูดีประมาณนึง
แต่พอมันเป็นแบบนี้ จะทำยังไงได้ ฟังจากผู้ใหญ่หรือนักธุรกิจ เขาให้คำแนะนำว่ามันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เรามองว่าถ้าอย่างนั้นคงต้องทิ้งตัวตนที่เคยมี แล้วคิดแค่ว่าทำยังไงถึงจะอยู่รอดก่อน ก็เลยเกิดเพจนี้ขึ้น
“กลายเป็นว่าสิ่งที่เราทำตอนนี้ เราได้ใช้สิ่งที่เคยเรียนรู้หรือเอาความรู้ของตัวเองมาปรับใช้ ทั้งการทำคอนเทนต์ การนำภาพมาตัดต่อ ด้วยไอเดียที่เป็นของตัวเองมาก

“เกิดจากเราชอบเข้ากรุ๊ปหรือเพจมีมจากต่างประเทศ เสพมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วก็เซฟเก็บไว้ดูเล่นด้วย บางทีมีหมดมุกเหมือนกัน เพราะเบื้องหลังมันไม่ได้สนุกเหมือนหน้าเพจ การที่เราทำอะไรที่มันตลก มันเป็นความกดดันอย่างหนึ่ง ถ้าวันไหนมันไม่ฮา engagement ไม่มา ก็จะรู้สึกว่าไม่ได้ว่ะ ทำไงดี แต่เราพยายามไม่ไปเครียดกับมันมาก ยิ่งเครียดก็ยิ่งคิดไม่ออก”
นอกจากขายหมูแล้วยังแจกยันต์เป็นกิมมิค ซึ่งล่าสุดออกโปรดักส์ ‘ยันแขวน’ ออกมาด้วย
“เราคิดว่าจะมีกลยุทธ์อะไรที่จะมากระตุ้นการขาย ด้วยความที่ตัวยันต์เราทำมาก่อนที่จะขายหมูแดดเดียวอยู่แล้ว เป็นอีกแบรนด์ที่ใช้ชื่อว่า YAN YING YAO เคยมีกระแสยันต์เซเลอร์มูนในทวิตเตอร์อยู่ช่วงหนึ่ง ก็เลยเอาสิ่งนี้มาต่อยอด ปรากฏว่าลูกค้าบางคนอยากได้ยันต์มากกว่าโปรดักส์ของเราด้วยซ้ำ เขามาถามว่าซื้อยันต์แถมหมูไหม?
“วัฒนธรรมนี้มันสนุก คนไทยสามารถเข้าถึงตรงนี้ได้เยอะด้วย อีกอย่างคือจะมีลูกค้าบางกลุ่มชอบสะสมของแบบนี้ ของที่แบบซื้อไปทำไมวะ แต่ชอบ อยากได้”

“จริงๆ เราอยากเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์แบบเต็มตัว ให้เพจกลายเป็นเพจที่ขายคอนเทนต์ แล้วก็มีสปอนเซอร์ ถ้าเป็นไปได้ เพราะอาหารมันมีระยะเวลา มันมีกระแสของมัน วันนึงมันจบ
แต่คอนเทนต์มันทำให้เราอยู่ได้ตลอด ที่สินค้าเราขายได้ส่วนหนึ่งก็เพราะคอนเทนต์เป็นตัวกระตุ้น เมคิดว่าจุดแข็งของเพจคือคอนเทนต์ด้วย”
แม้ในอนาคตจะมุ่งไปทางคอนเทนต์มากขึ้น แต่เมยังพัฒนาสินค้าและมองหาอะไรใหม่เรื่อยๆ ทุกวันนี้ สินค้าของ ‘อีเหมียวปีนตู้กับข้าว’ มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
– สันคอหมูแดดเดียว รส ออริจินอล
– สันคอหมูแดดเดียว รส ทรงเครื่อง
– แจ่วบองสมุนไพรรสชาติออกเปรี้ยวจากน้ำมะขาม
– หมูแผ่นสุดเฟี้ยว เคี้ยวแล้วแผ่นดินสะเทือน
– หมูฝอยศักดิ์สิทธ์ อิทธิฤทธิ์มหาโชค
– ยันต์แขวน
ใครสนใจสามารถตามไปซื้อสินค้าหรือเสพความฮา ได้ที่เพจ
อีเหมียวปีนตู้กับข้าว