เนื้อหมูแดดเดียวตรา ‘อีเหมียวปีนตู้กับข้าว’ แบรนด์ขายขำที่เบื้องหลังไม่ตลกอย่างที่คิด

3 Min
1243 Views
07 Oct 2020
เนื้อหมูแดดเดียว ตรา ‘อีเหมียวปีนตู้กับข้าว’
เพียงแค่อ่านชื่อก็ชวนสงสัยว่า “ขายของ” หรือ “ขายขำ”
 
นี่คือแบรนด์ขายหมู ที่มีโลโก้เจ้าเหมียวตาเรืองแสงบนตู้กับข้าวเป็นภาพจำ บวกกับลีลาการทำคอนเทนต์ปั่นๆ ที่เรียกเสียงหัวเราะได้แทบทุกโพสต์
 
ทว่าเบื้องหลังอาจไม่ได้ขำอย่างที่คิด เพราะจุดเริ่มต้นของ ‘อีเหมียวปีนตู้กับข้าว’ เกิดจากคุณ ‘เม- เมทินี ไชยวงษ์’ กราฟิกดีไซน์เนอร์ฟรีแลนซ์ ที่ประสบปัญหาขาดรายได้ในช่วงวิกฤตโควิด-19
 
ตามมาอ่านเรื่องราวสนุกๆ ของเธอกันเลย
 
 
กว่าจะมาเป็น เนื้อหมูแดดเดียว ตรา ‘อีเหมียวปีนตู้กับข้าว’

“ช่วงโควิด-19 งานมันน้อยลง เอาจริงๆ คือไม่มีงานเลย ไม่มีเงินเข้าบ้านแต่รายจ่ายเท่าเดิม เลยต้องหาอาชีพใหม่แบบเร่งด่วน เราคิดว่าจะทำอาหารที่สามารถเก็บได้นาน ทำได้ด้วยต้นทุนที่ไม่มาก ไม่ใช้อุปกรณ์เครื่องครัวเยอะ

เลยมาตกที่หมูแดดเดียว คิดปุ๊บก็รีบทำเลย ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์เรื่องทำอาหารมาก่อน ฝึกทำทุกวัน กินทุกวัน ให้ทุกคนในบ้านลองชิมจนได้สูตรที่อร่อยที่สุด”

แม้จะเริ่มจากศูนย์ แต่ ‘เม’ สามารถคลอดแบรนด์ ‘อีเหมียวปีนตู้กับข้าว’ ได้ภายในไม่ถึง 2 สัปดาห์​

“ด้วยความที่เราคิดว่าเราจะทำยังไงให้เราได้เงินเร็วที่สุด จะทำธุรกิจยังไงให้คนสนใจในเวลาอันรวดเร็ว เราเลยคิดว่าเราจะทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ร้านหมูแดดเดียวหรือแบรนด์อื่นๆ เขาทำกัน

“ปกติร้านขายหมูแดดเดียวโลโก้ต้องเป็นหมู แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้จะใช้รูปอะไรดี เลยเลื่อนโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ แล้วเผอิญไปเจอรูปนึงที่ถ่ายเก็บไว้ ช่วงนั้นอีเหมียวมันขึ้นไปปีนตู้กับข้าวเพราะมีจิ้งจกอยู่บนนั้น

พอเรากดถ่ายรูปแล้วเผลอยิงแฟลชเข้าไป ตามันกระทบแสงพอดี รู้สึกว่ารูปนี้ได้เลย ก็เลยลองมาทำโลโก้แล้วส่งไปให้เพื่อนดู ปรากฏว่าทุกคนชอบ เลยกลายเป็นโลโก้แบรนด์ภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมง เสร็จปุ๊บก็เปิดเพจเลย

 
 
จุดเปลี่ยนที่สร้าง ‘ความปัง’ ชั่วข้ามคืน

“มีคนบังเอิญเจอเพจ แล้วเอาไปแชร์ลงกลุ่มทาสแมว ตอนนั้นเราไม่ได้โปรโมตเพจเลย ออร์เดอร์มันเข้ามาแบบท่วมท้นมาก เกินกว่าที่เราจะรับได้ เคลียร์ออเดอร์ประมาณครึ่งเดือนถึงจะเคลียร์หมด

ดีใจด้วยส่วนหนึ่งนะ แต่ตอนแรกเครียดมาก กดดันตรงที่เราจะทำยังไงให้ทันใจลูกค้า

“เราก็มานั่งคิดว่าคอนโดตากเนื้อก็ไม่เพียงพอแล้วจะทำยังไง ตื่นเช้ามาก็เสิร์ชหาร้านที่เป็นตู้อบ แล้วก็ไปซื้อวันนั้นเลย ได้ของมาตอนบ่ายเราก็รีบอบ แล้วก็รีบหาสินค้าที่ขายได้เลยมาแก้หน้า พอดีรู้จักรุ่นน้องที่ขายหมูแผ่น ก็เลยสั่งมาชิม แล้วรับมา 500 ถุง ซึ่งขายหมดใน 1 สัปดาห์”

 
 
จาก กราฟิกดีไซน์เนอร์ สู่ เจ้าของธุรกิจ

“เมื่อก่อนใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป ทำงานชิลล์ๆ งานออกแบบมันไม่ได้เร่ง เราไม่ได้นึกถึงอย่างอื่นมากมาย เพราะมันมีแค่ตัวเรา รับงานคุยกับลูกค้า ไม่ต้องดูแลหรือเอาใจใคร

แต่พอเป็นธุรกิจมันเป็นอีกเรื่องนึง เปลี่ยนตัวเองแบบพลิกเลย เบื้องหลังมันค่อนข้างวุ่นวาย ด้วยความที่เราไม่เคยทำธุรกิจ ทุกวันนี้ก็มีอะไรให้ต้องศึกษาอยู่เรื่อยๆ

“การทำอาหารสำหรับเราในตอนนั้นมันไม่เท่ ขายของแบบนี้มันไม่เท่เลย เราอยู่ในวงการนักออกแบบ ทำงานภาพประกอบ มีเพื่อนในแวดวงนั้นที่ไปออกงานอาร์ตแฟร์ต่างๆ รู้สึกว่าลุคนักออกแบบมันต้องดูดีประมาณนึง

แต่พอมันเป็นแบบนี้ จะทำยังไงได้ ฟังจากผู้ใหญ่หรือนักธุรกิจ เขาให้คำแนะนำว่ามันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เรามองว่าถ้าอย่างนั้นคงต้องทิ้งตัวตนที่เคยมี แล้วคิดแค่ว่าทำยังไงถึงจะอยู่รอดก่อน ก็เลยเกิดเพจนี้ขึ้น

“กลายเป็นว่าสิ่งที่เราทำตอนนี้ เราได้ใช้สิ่งที่เคยเรียนรู้หรือเอาความรู้ของตัวเองมาปรับใช้ ทั้งการทำคอนเทนต์ การนำภาพมาตัดต่อ ด้วยไอเดียที่เป็นของตัวเองมาก

 
 
ไอเดียความตลกที่ต่อยอดมาจากความชอบส่วนตัว

“เกิดจากเราชอบเข้ากรุ๊ปหรือเพจมีมจากต่างประเทศ เสพมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วก็เซฟเก็บไว้ดูเล่นด้วย บางทีมีหมดมุกเหมือนกัน เพราะเบื้องหลังมันไม่ได้สนุกเหมือนหน้าเพจ การที่เราทำอะไรที่มันตลก มันเป็นความกดดันอย่างหนึ่ง ถ้าวันไหนมันไม่ฮา engagement ไม่มา ก็จะรู้สึกว่าไม่ได้ว่ะ ทำไงดี แต่เราพยายามไม่ไปเครียดกับมันมาก ยิ่งเครียดก็ยิ่งคิดไม่ออก”

นอกจากขายหมูแล้วยังแจกยันต์เป็นกิมมิค ซึ่งล่าสุดออกโปรดักส์ ‘ยันแขวน’ ออกมาด้วย

“เราคิดว่าจะมีกลยุทธ์อะไรที่จะมากระตุ้นการขาย ด้วยความที่ตัวยันต์เราทำมาก่อนที่จะขายหมูแดดเดียวอยู่แล้ว เป็นอีกแบรนด์ที่ใช้ชื่อว่า YAN YING YAO เคยมีกระแสยันต์เซเลอร์มูนในทวิตเตอร์อยู่ช่วงหนึ่ง ก็เลยเอาสิ่งนี้มาต่อยอด ปรากฏว่าลูกค้าบางคนอยากได้ยันต์มากกว่าโปรดักส์ของเราด้วยซ้ำ เขามาถามว่าซื้อยันต์แถมหมูไหม?

“วัฒนธรรมนี้มันสนุก คนไทยสามารถเข้าถึงตรงนี้ได้เยอะด้วย อีกอย่างคือจะมีลูกค้าบางกลุ่มชอบสะสมของแบบนี้ ของที่แบบซื้อไปทำไมวะ แต่ชอบ อยากได้”

 
 
เป้าหมายของแบรนด์ในอนาคต

“จริงๆ เราอยากเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์แบบเต็มตัว ให้เพจกลายเป็นเพจที่ขายคอนเทนต์ แล้วก็มีสปอนเซอร์ ถ้าเป็นไปได้ เพราะอาหารมันมีระยะเวลา มันมีกระแสของมัน วันนึงมันจบ

แต่คอนเทนต์มันทำให้เราอยู่ได้ตลอด ที่สินค้าเราขายได้ส่วนหนึ่งก็เพราะคอนเทนต์เป็นตัวกระตุ้น เมคิดว่าจุดแข็งของเพจคือคอนเทนต์ด้วย”

แม้ในอนาคตจะมุ่งไปทางคอนเทนต์มากขึ้น แต่เมยังพัฒนาสินค้าและมองหาอะไรใหม่เรื่อยๆ ทุกวันนี้ สินค้าของ ‘อีเหมียวปีนตู้กับข้าว’ มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

– สันคอหมูแดดเดียว รส ออริจินอล
– สันคอหมูแดดเดียว รส ทรงเครื่อง
– แจ่วบองสมุนไพรรสชาติออกเปรี้ยวจากน้ำมะขาม
– หมูแผ่นสุดเฟี้ยว เคี้ยวแล้วแผ่นดินสะเทือน
– หมูฝอยศักดิ์สิทธ์ อิทธิฤทธิ์มหาโชค
– ยันต์แขวน

ใครสนใจสามารถตามไปซื้อสินค้าหรือเสพความฮา ได้ที่เพจ
อีเหมียวปีนตู้กับข้าว