หรือเพราะอากาศร้อน เราเลยไม่เจริญเท่าตะวันตก?

3 Min
361 Views
11 Oct 2020

ช่วงปลายปีนี้เต็มไปด้วยวันหยุด หลาย ๆ คนก็คงจะได้โอกาสในการ “ลาพักร้อน” ไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งโดยทั่วไป ชาวไทยก็มักจะไปเที่ยวในประเทศที่เศรษฐกิจเจริญกว่าเรา ซึ่งพอเราไปถึงประเทศเหล่านั้น สิ่งที่เราจะรู้สึกถึงการ “เปลี่ยนบรรยากาศ” ที่สุดก็คือ อากาศเขาหนาวแบบหนาวจริง ๆ ไม่ใช่หนาวเล่น ๆ ไม่กี่วันแบบหน้าหนาวบ้านเรา

ตรงนี้บางคนอาจตั้งข้อสังเกตว่าส่วนใหญ่ประเทศที่ “เจริญ” กว่าเรา นี่อากาศหนาว ๆ ทั้งนั้นเลย ส่วนในทางกลับกัน ประเทศที่เจริญน้อยกว่าเรานี่ เราแทบจะนึกประเทศที่ไม่ใช่เมืองร้อนไม่ออกเลย

นี่อาจทำให้บางคนคิดต่อไปว่า หรือว่าจริงๆ ความเจริญของบ้านเมืองมันถูกกำหนดโดยภูมิอากาศ เพราะบ้านเราร้อน เราเลยไม่เจริญหรือเปล่า?

เอาจริง ๆ แนวคิดแบบนี้มีอยู่จริงในโลกนะครับ และมันมีช่วงรุ่งเรืองของมันเลยก่อนที่คนจะไม่เชื่อในความคิดแบบนี้แล้วในช่วงหลัง ๆ

ในอดีต นักคิดจากยุคโบราณหลาย ๆ คนก็มีความคิดว่าสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นเป็นตัวกำหนดสังคม และวัฒนธรรม แต่นี่ก็เป็นแนวคิดที่ปรากฎแบบประปรายในยุคโบราณเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ต่อมาแนวคิดนี้ก็เป็นแนวคิดที่คนเชื่อกันจริงจังสุด ๆ ในช่วงตะวันตกล่าอาณานิคม โดยคำอธิบายหลัก ๆ มันก็จะบอกว่า ที่คนยุโรปเจริญเพราะอากาศหนาว ส่วนคนในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตรนั้นไม่เจริญเท่ายุโรปก็เพราะอากาศร้อน ทำให้คนขี้เกียจ ดังนั้นผู้คนในเขตร้อนจึงด้อยกว่าคนยุโรปตามธรรมชาติ และคู่ควรแก่การถูกล่าอาณานิคม

คนยุโรปเชื่อแนวคิดนี้จริงจังพอสมควรตั้งแต่ช่วงล่าอาณานิคมจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ขนาดฮิตเลอร์ก็ยังมีแนวคิดแบบนี้

อย่างไรก็ดีภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุคแห่งอาณานิคมก็ถือว่าจบไปอย่างเป็นทางการ และมันก็เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ในสังคมโลกอีกที่จะสร้างคำอธิบายว่ามนุษย์บางกลุ่มในโลกมีความเหนือกว่ามนุษย์กลุ่มอื่น ๆ ตามธรรมชาติ ดังนั้นแนวคิดที่เชื่อว่าคนในเขตร้อนไม่มีวันจะเจริญได้ ก็จึงตกไป

แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นที่ทำให้แนวคิดนี้ “ล้าสมัย” เพราะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เทคโนโลยีหนึ่งที่แพร่หลายไปทั่วโลกก็คือ “เครื่องปรับอากาศ” หรือที่เราเรียกกันในภาษาพูดว่าแอร์

อาจเป็นความจริงที่คนทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพนักในอากาศที่ร้อนเกินไปแบบอากาศบ้านเรา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ แอร์สามารถทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานออฟฟิศไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลกมีอุณหภูมิใกล้เคียงกัน

ดังนั้นโลกในยุคหลังเครื่องปรับอากาศ คำอธิบายที่ว่าคนในเขตร้อนนั้นยังไงก็จะทำงานอย่างขี้เกียจเพราะอากาศมันร้อนก็เลยตอกกระป๋องไปโดยสิ้นเชิง เพราะคนเขาทำงานกันในห้องแอร์หมดแล้ว

หรือมากไปกว่านั้น ทฤษฎีที่ว่า “เมืองร้อนไม่มีวันเจริญ” นั้นก็พังทลายไปโดยสิ้นเชิงหลังประเทศที่อยู่แทบจะติดเส้นศูนย์สูตร และไม่มีทรัพยากรธรรมชาติใด ๆ อย่างสิงคโปร์สามารถประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล และทุกวันนี้ก็ได้เป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัวติด Top 10 ของโลกแล้ว

พูดง่าย ๆ คือ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสิงคโปร์นั้นทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอีกว่า “เมืองร้อนไม่มีวันเจริญ”

แต่เอาจริง ๆ นี่ก็เป็นเรื่องที่ตลกมาก เพราะบิดาผู้สร้างชาติสิงคโปร์อย่าง Lee Kuan Yew เคยให้สัมภาษณ์ว่าความลับของความสำเร็จของสิงคโปร์นั่นคือ “เครื่องปรับอากาศ” โดยเขาพูดเลยว่า “มันเปลี่ยนธรรมชาติของอารยธรรมมนุษย์ไปเลย เพราะมันทำให้การพัฒนาเป็นไปได้ในเขตร้อน”

ในแง่นี้เราก็เห็นเลยว่า แม้แต่ Lee Kuan Yew ก็ยังเชื่อนะครับว่าบ้านเมืองในเขตร้อนดั้งเดิมนั้นพัฒนาไม่ได้ ซึ่งจริง ๆ เขาก็มีคำอธิบายดีพอสมควรเลยว่า เพราะเขตร้อนในตอนเที่ยง ๆ บ่าย ๆ อากาศมันจะร้อนเกินกว่าที่จะทำงานได้ ดังนั้นคนจะทำงานได้ดีแค่ตอนเช้า และเย็น ทำให้งานโดยรวมขาดช่วง ไม่มีประสิทธิภาพ แต่พอมีแอร์ คนทำงานได้ยาวนานต่อเนื่อง ไม่ต้องมาสะดุดกับอากาศร้อนในตอนเที่ยง และสิ่งที่ Lee Kuan Yew ทำเป็นสิ่งแรก ๆ หลังจากเป็นนายกรัฐมนตรีก็คือ “ติดแอร์” สถานที่ราชการทั้งหมด เพราะเขาเชื่อว่านั่นจะทำให้ระบบราชการดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ เอาจริง ๆ แนวความคิดที่ว่า “อากาศร้อนทำให้ไม่เจริญ” ก็ไม่ได้ตายจากเราไปไหนเลย ทุกวันนี้ก็ยังมีคนเชื่อแบบนี้อยู่ อย่างไรก็ดี ก็อย่างที่ว่ามาแหละครับ มนุษยชาติได้ “พิชิต” อากาศร้อนได้ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วด้วยเครื่องปรับอากาศ และความสำเร็จของสิงคโปร์ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่ประเทศที่อากาศร้อนไม่แพ้บ้านเราก็เจริญได้ไม่แพ้ชาติตะวันตก

อ้างอิง: