ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แวดวงการเงินธนาคารแข่งแรงและแข่งเร็วด้วยกระแสถาโถมจาก FinTech Disruption มาปีนี้เจอวิกฤติโควิด-19 ที่พลิกชีวิตผู้คนทั้งโลกแบบไม่คาดคิด ยิ่งทำให้เห็นว่า แบรนด์ที่จะอยู่รอดได้ต้องแกร่งมากระดับหนึ่ง และความแกร่งที่ทำให้ฝ่าด่านรอบด้านไปได้ต้องเป็นแบรนด์ที่มีกลยุทธ์ชัดเจนและลงมือทำล่วงหน้ามาได้สักระยะแล้วจึงจะมาถึงจุดนี้ได้
KBank น่าจะเป็นหนึ่งในแบรนด์ธนาคารที่มีสร้างกระแสความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาอยู่เสมอ ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมา KBank ไม่เคยอยู่ใน safety zone ของตัวเอง แม้กระทั่งในช่วงโควิดที่ผ่านมา ก็เห็นข่าวคราว ที่ร่วมมือกับแบรนด์ใหญ่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
เป็นแนวรุกของ KBank ที่ทำมาได้สัก 3 ปีแล้ว จนทุกวันนี้เราเริ่มเห็น KBank ไป x กับแบรนด์ต่างๆ ทั้งในรูปแบบเป็น co-partner, co-brand, หรือแม้กระทั่งตั้งบริษัทด้วยกันเลย เรียกว่า KBank เปิดรับทุกโอกาสมากมายที่จะสร้างแหล่งรายได้ใหม่ ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ และมัดใจลูกค้าเก่าได้ต่อไป
เป็นกลวิธีดิสรัปตัวเองก่อนดีกว่าถูกดิสรัป
ที่สำคัญยิ่งพาตัวเองไปได้ไกล อยู่ได้ยาว ยิ่งทำให้ Brand Value แข็งแกร่งและทรงพลังมากยิ่งขึ้น
นี่คือจี๊กซอว์ที่ KBank กำลังทำอยู่
#1 ใช้จุดแข็งด้านดิจิทัล แบงกิ้ง เป็นหัวหอกสำคัญ
การขับเคลื่อนธุรกิจในยุคนี้นวัตกรรมเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจการบริการ ในกลุ่มธุรกิจธนาคาร KBank คือ เบอร์ 1 ของดิจิทัล แบงกิ้ง โดยมี K PLUS เป็นเจ้าตลาด มีลูกค้าล็อกอินเข้าใช้งาน K PLUS มากถึง 4 ล้านคนต่อวัน มีปริมาณการทำธุรกรรมทางการเงินประมาณ 10 ล้านรายการต่อวัน ทุกวันนี้ K PLUS ไม่ได้มีฟีเจอร์แค่โอน เติม จ่าย แต่กลายเป็นแพลตฟอร์มในรูปแบบ Open Banking API ที่ไม่ว่าลูกค้าจะใช้แอปไหน ใช้แบรนด์ไหน K PLUS ก็จะไปอยู่ที่นั่น
บน K PLUS มีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับแบรนด์ดังๆ ทำให้ลูกค้าที่ใช้งานทั้ง K PLUS กับแบรนด์ทั้งหลายใช้งานได้อย่างไหลลื่น เช่น ลูกค้าสามารถแลกคะแนนสะสมบัตรเครดิตกสิกรไทยไปเป็นคะแนนสะสมของแบรนด์ดังๆ ได้ เช่น The1 หรือจะใช้แทนเงินสดสำหรับซื้อของออนไลน์ใน K+ Market ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใช้จ่ายออนไลน์ที่สะดวกสบายและคุ้มค่ามากที่สุด
K PLUS ไม่ได้อยู่ในโลกของตัวเองเท่านั้น แต่ยังไปทำตัวเนียนๆ อยู่ในชีวิตจริงของลูกค้า ด้วยการไปเป็นพันธมิตรกับซูเปอร์แอปดังๆ โดย KBank ได้พัฒนาโครงสร้างเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘Powered by KBank’ เชื่อมโยงบริการระหว่างธนาคารกับลูกค้าของกลุ่มพันธมิตรให้ใช้งานได้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องออกจากแอป จบได้ในแอปเดียว ปัจจุบันมีพันธมิตรชั้นนำที่เชื่อมต่อ API กับระบบธนาคารกว่า 50 แบรนด์ เช่น กลุ่มซูเปอร์แอป อย่าง Grab LINE หรือ Facebook กลุ่มอี-คอมเมิร์ซ เช่น Lazada และ Shopee กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ เช่น JD Central และ Central JD FINTECH กลุ่มธุรกิจพลังงาน เช่น PTTOR สถาบันการศึกษา เช่น โครงการ CU Nex จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
#2 ต่อจิ๊กซอว์กับพันธมิตรแบรนด์ดังๆ ในทุกธุรกิจ
ในวันนี้ หลายคนน่าจะสังเกตเห็นว่า KBank ไม่ได้เป็นเพียงธนาคารแบบที่เราเคยเข้าใจ ภาพที่เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ คือ การปรับตัวไปสู่การเป็นผู้ให้บริการทางการเงินทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตร เพื่อสร้างเครือข่าย Digital Lifestyle Ecosystem ให้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ เรียกว่า ลูกค้าใช้แอปไหน ใช้แบรนด์ไหน KBank ก็จะพาตัวเองไปอยู่ที่นั่น เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้จ่ายแบบ Seamless
เป็นการต่อจิ๊กซอว์ร่วมกันกับแบรนด์ดังๆ เพื่อทำให้ Customer Journey มากกว่าแค่สร้าง Touch Point ในการใช้จ่าย ที่สำคัญคือ สร้าง engagement ของแบรนด์ให้อยู่ในชีวิตการใช้งานจริงของลูกค้า
เราจะเห็นเลยว่า KBank จับมือกับแต่ละเจ้าที่มีจุดแข็งเป็นของตัวเอง พอรวมเข้ากับจุดแข็ง และความเชี่ยวชาญของ KBank ในเรื่องการให้บริการทางการเงิน และเรื่องดิจิทัล แบงกิ้ง ทั้งพันธมิตร และ KBank ต่างเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยเติมเต็มระบบนิเวศของกันและกันนั่นเอง และนับว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้เราเห็นว่า KBank คิดไกล ขยับตัวเร็ว และก้าวไปก่อนใคร เพื่อเอาตัวเข้าไปหาคอนซูเมอร์ หรือลูกค้าที่มีอยู่ในหลายๆ ตลาด
#3 ตั้งบริษัทกับซูเปอร์แอประดับโลก
ย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 61 KBank ประกาศความร่วมมือกับ LINE – Super App ระดับโลก ก่อตั้งบริษัท KASIKORN LINE (บริษัท กสิกรไลน์ จำกัด) ขึ้นมา และปลายเดือนตุลาคมที่ผ่าน ก็มีการเปิดตัว “LINE BK” บริการทางการเงินผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือ “Social Banking” เต็มรูปแบบรายแรกของไทย อย่างเป็นทางการ
LINE BK การร่วมมือครั้งสำคัญ เพื่อต่อยอดสู่ Social Banking เต็มรูปแบบ
โดย “LINE BK” มาในคอนเซ็ปต์ “เรื่องเงินง่ายใน LINE คุณ” นำเสนอไลฟ์สไตล์การเงินออนไลน์รูปแบบใหม่ ที่แชท-โอน-ยืม-จ่าย ทำได้เสร็จครบจบใน LINE สะดวก สบายและปลอดภัยแน่นอน
เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่สะท้อนกลยุทธ์ของ KBank ในการทำตัวเองเป็น Open Banking เปิดรับและทำงานร่วมกับพันธมิตรที่ใช้ชีวิตร่วมกับลูกค้าในพื้นที่อื่นๆ และเข้าไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตร เพื่อไปอยู่ในชีวิตลูกค้า ผันตัวไปอยู่ในที่ที่ลูกค้าอยู่แบบเนียนๆ
อย่างการร่วมมือกันครั้งนี้ทำให้เกิด Social Banking เต็มรูปแบบครั้งแรกในไทย เป็นการพลิกโฉมวงการการเงินของประเทศไทย ให้เกิด บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และความต้องการของลูกค้าในยุคนี้
ในฐานะลูกค้า การร่วมมือครั้งนี้ก็นับว่าเกิดประโยชน์ต่อฝั่งผู้ใช้บริการมาก ทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางที่ตนเองใช้เป็นประจำทุกวันตั้งแต่ตื่นนอนอย่าง LINE ตื่นมาแชท ก็โอนเงิน จ่ายเงินได้ ไม่ต้องสลับแอป และหากเงินขาดมือ ยัง ‘ยืมเงิน LINE’ จาก LINE BK ได้อีก ทำให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนที่ยังมีข้อจำกัดในการขอสินเชื่อ เช่น กลุ่มแม่ค้าพ่อค้า คนขับรถรับจ้าง ฟรีแลนซ์ต่างๆ หรือลูกจ้างรายวัน เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
ต่อจิ๊กซอว์กับพันธมิตรทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง
เร็วๆ นี้ KBank ร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง ลู อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งอยู่ภายใต้ บริษัท ลูแฟ๊กซ์ โฮลดิ้ง (Lufax Holding) ในเครือผิงอันกรุ๊ป (Ping An Group) บริษัทยักษ์ ใหญ่ในประเทศจีน ซึ่งมีทีมงานพัฒนาด้านเทคโนโลยีการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก และ โรโบเวลธ์ บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน Wealth Tech และ บริการ Robo Advisory พัฒนา และเปิดให้บริการ แอปฯ FinVest ใน concept “ติดปีกการลงทุนให้คุณ” ให้นักลงทุนมือใหม่ มือเก๋า เข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น และลงทุนผ่านแอป ได้แบบ Open Architecture ทั้งกองทุนรวมในไทย และทั่วโลก จากหลากหลาย บลจ. ชั้นนำ
และล่าสุด serve สินเชื่อบุคคลให้คนมี need เข้าไปถึงบนแอป Dolfin ซึ่งเป็นหนึ่งใน e-Wallet ที่มีผู้ใช้งานถึง 2 ล้านราย โดยร่วมกับ Central JD Fintech เปิดสินเชื่อบุคคลรูปแบบดิจิทัล Dolfin Money I KBank “ฮีโร่จัดให้ เบาใจคุณ” ดึงเอาศักยภาพของ KBank ด้านดิจิทัลแบงกิ้ง และการให้บริการสินเชื่อบุคคล ไปบวกกับเทคโนโลยีของ Central JD Fintech ปฏิวัติวงการสินเชื่อโดยผสานวัตกรรม FinTech และความเชี่ยวชาญด้าน Big Data Analytics เพิ่มความลึกของข้อมูลลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่และให้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ขอสินเชื่อได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการแบบออนไลน์ 100% ผ่านแอป Dolfin ไม่ต้องเดินทางไปสาขา ไม่ต้องเตรียมเอกสารรูปแบบเดิมๆ รู้ผลอนุมัติเร็วสุดใน 5 นาที พร้อมใช้วงเงินได้ทันที โดยสามารถเบิกถอนเงินสด โอนเข้าบัญชี หรือจะใช้จ่ายช้อปปิ้งกับร้านค้าชั้นนำในเครือเซ็นทรัลและร้านค้าพันธมิตรได้สะดวกสบาย เพียงสแกนคิวอาร์โค้ด จนเรียกได้ว่าเป็น “สินเชื่อส่วนบุคคลผ่านประสบการณ์ดิจิทัลเต็มรูปแบบครั้งแรกในประเทศไทย”
กลยุทธ์แบบนี้จะเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้แบรนด์ KBank ยังอยู่ในชีวิตของลูกค้าตลอด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปได้อย่างทันท่วงที สามารถเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจ และการสร้างรายได้ของธนาคารกสิกรไทยได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย