3 Min

รู้จัก ‘อากิตะอินุ’ สุนัขสายพันธุ์ที่โด่งดังและดุที่สุดจากญี่ปุ่น

3 Min
5645 Views
12 Oct 2020

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสุนัข (หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “หมา”) มากมาย แต่ในยุคสมัยใหม่ ญี่ปุ่นได้กำหนดหมาประจำชาติ 6 สายพันธุ์ ได้แก่ ชิบะอินุ คิชูเค็น ชิโกกุเค็น ฮอกไกโดเค็น ไคเค็น และอากิตะอินุ

โดยทั่วไป เรามักจะได้ยินหมาพันธุ์ ชิบะอินุ บ่อยที่สุด ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะชิบะอินุน่าจะเป็นหมาพันธุ์ญี่ปุ่นที่มีการเลี้ยงมากที่สุดในประเทศไทย

แต่ในความเป็นจริง หมาสายพันธุ์ที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่นคือ “อากิตะอินุ”

1.

เคยได้ยิน “ตำนานฮาจิโกะ” หมาผู้ซื่อสัตย์แห่งสถานีชิบูย่า (ที่ตอนนี้มีรูปปั้นด้วย) ไหม? หรือเคยอ่านหรือดูการ์ตูน “ไอ้เขี้ยวเงิน” ไหมครับ?

ที่ยกมาเพราะหมาจากทั้งสองเรื่อง น่าจะเป็นหมาที่ดังที่สุดในป็อปคัลเจอร์จากญี่ปุ่นแล้ว และหลายๆ คนก็น่าจะเข้าใจว่าเป็นหมาพันธุ์ ชิบะอินุ แต่จริงๆ ทั้งสองตัวคือหมาพันธุ์ “อากิตะอินุ”

2.

ดั้งเดิมหมาสายพันธุ์ อากิตะอินุ ก็ไม่ใช่หมาที่ “หน้าตา” เหมือนทุกวันนี้ เพราะคนในอดีตทั่วโลก ไม่ได้มีแนวคิดเรื่อง “หมาพันธุ์แท้” แบบต้องลักษณ์ครบ ส่งประกวดได้ แต่หมาในอดีต เป็นสัตว์ที่มีหน้าที่บางอย่าง และเวลาเรียกถึงหมาสายพันธุ์ต่างๆ หลักๆ ไม่ใช่ว่าต้องหน้าตายังไงเป๊ะๆ แต่ต้องทำหน้าที่ตามสายพันธุ์ได้

ในกรณีของ อากิตะอินุ เป็นหมาพื้นถึ่นของจังหวัดอากิตะที่เต็มไปด้วยภูเขา และหน้าที่ของมันคือ “หมานักล่า” ที่มนุษย์ใช้ล่าสัตว์ใหญ่ ตั้งแต่หมูป่าไปถึงหมี

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม อากิตะอินุ ถึงเป็นหมาตัวใหญ่มาก บางคนดูในรูปอาจคิดว่ามันก็น่าตาแบบ “หมาญี่ปุ่น” ทั่วไป คือหน้าตาคล้ายๆ ชิบะอินุ

แต่จริงๆ อากิตะอินุ โดยเฉลี่ยจะน้ำหนักตัวจะมากกว่า ชิบะอินุ ถึง 3 เท่า คือในขณะที่ชิบะอินุจะหนักเต็มที่ประมาณ 10 กิโลกรัม แต่อากิตะอินุจะหนักราว 30 กิโลกรัมเป็นปกติ

ดังนั้นอากิตะอินุจึงตัวใหญ่กว่าหมาพันธุ์ฮิตอย่างไซบีเรียนฮัสกี้ (Siberian Husky) อีก และขนาดตัวของมันก็พอๆ กับอลาสกันมาลามิวท์ (Alaskan Malamute) ที่เป็นพันธุ์ที่คนสับสนกับไซบีเรียนฮัสกี้พอสมควร ทั้งที่จริงๆ ตัวของมันใหญ่กว่ามาก

3.

กล่าวคืออากิตะอินุในอดีตก็คือหมาล่าหมีตัวใหญ่จากจังหวะอากิตะนั่นเอง ในญี่ปุ่น อากิตะอินุนับเป็นหมาที่โหดสุดแล้ว เรียกได้ว่าคนที่ชอบ “กีฬาหมากัดกัน” ในยุคญี่ปุ่นโบราณ เวลาจะเอาหมามากัดก็จะเลือกหมาพันธุ์อากิตะอินุนี่แหละ

นอกจากนี้ หมาพันธุ์นี้ก็เคยถูกใช้ตามล่านักโทษในช่วงสงครามกับรัสเซียตอนต้นศตวรรษที่ 20 ด้วย

เพราะฉะนั้นภาพของอากิตะอินุดั้งเดิมเป็นแบบนั้น ไม่ใช่ภาพของ “หมาซื่อสัตย์” แบบที่อยู่ในตำนานฮาจิโกะอันลือลั่นแต่อย่างใด

4.

พอย่างเข้าสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นอดอยากมากๆ และหมาต่างๆ ก็โดนจับกินกัน ช่วงนั้นเรียกได้ว่าหมาญี่ปุ่นพันธุ์เก่าแก่นี่ใครเลี้ยงต้องเอาไปซ่อนเลย ไม่งั้นโดนจับกินหมด และสำหรับหมาพันธุ์อากิตะอินุ คนก็ปล่อยมันเข้าป่าไป เพื่อให้รอดจากที่คนจับกิน

หลังสงครามโลก ญี่ปุ่นก็ “ฟื้นฟู” หลายๆ อย่างที่พังไปกับสงคราม ไม่ใช่แค่อาคารเก่าๆ ที่โดนระเบิดราบไปเท่านั้น แต่เป็นสายพันธุ์หมาต่างๆ ด้วย และหมาญี่ปุ่นประจำชาติทุกสายพันธุ์ก็ถูก “สร้างขึ้นมาใหม่” จนมีหน้าตาแบบทุกวันนี้

หมาพันธุอากิตะอินุก็เป็นแบบที่ว่า หลังจากพวกมันเข้าป่าไปจนรอดจากการถูกกิน ก็ถูกจับมา ผสมพันธุ์ใหม่ โดยคนผสมพันธุ์ก็พยายามจะเอาให้ใกล้เคียงกับที่พวกมันเคยเป็นในอดีตที่สุด และกลายมาเป็นอากิตะอินุทุกวันนี้

เนื่องจากคนพยายามจะผสมให้มันเหมือนอดีต ลักษณะเด่นของอากิตะอินุนั้นไม่ใช่ความซื่อสัตย์ในแง่ที่จะไปรอเจ้าของที่สถานีรถไฟ แม้เจ้าของจะลาโลกไปแล้ว แต่ลักษณะของพวกมันกลับเป็น “หมานักสู้” แบบในการ์ตูน “ไอ้เขี้ยวเงิน” มากกว่า

คืออากิตะอินุมีแนวโน้มจะไม่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า รวมไปจนถึงหมาด้วยกันเท่าไร นอกจากนี้ พวกมันยังเป็นหมาที่หวงพื้นที่มากๆ อีกด้วย

5.

ถ้าในเชิงนิสัยหมาพันธุ์อากิตะอินุ ก็คือหมาพันธุ์ “บางแก้วของญี่ปุ่น” นั่นเอง เพียงแต่ตัวมันใหญ่กว่าบางแก้วประมาณ 2-3 เท่า (บางแก้วน่าจะตัวพอๆ กับหมาชิบะอินุ คือไซส์ “หมาบ้าน” ทั่วๆ ไป)

ในแง่นี้ เราจะเห็นว่าอากิตะอินุนี่ดูจะ “ดุเอาเรื่อง” ซึ่งก็ไม่แปลกที่ในหลายประเทศจะมีการห้ามนำเข้าและเพาะพันธุ์อากิตะอินุ หรือพูดอีกแบบ พวกมันถูกจัดอยู่หมวดหมู่ “หมาอันตราย” เช่นเดียวกับหมาพิตบูล เพราะแม้ว่าหน้าตาพวกมันจะดูเป็นมิตร แต่ด้วยโครงสร้างนิสัยประจำสายพันธ์ุและขนาดตัว พวกมันก็มีแนวโน้มที่จะก่ออันตรายสูงมาก ถ้าเจ้าของ “เลี้ยงไม่ดี”

ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งหมดนี้คือความรู้ความเข้าใจพื้นฐานของหมาพันธุ์อากิตะอินุ บ้านเราเลี้ยงได้ ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าไปเจอพวกมัน บางทีก็ต้องเข้าใจพวกมันด้วย ว่าพวกมันอาจไม่ได้ขี้เล่นและเป็นมิตรแบบหน้าตาเท่าไร แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอยู่ดีๆ มันจะพุ่งมากัดเราเช่นกัน

ซึ่งถ้าเราได้เจอ แล้วจะเล่นกับมัน ก็ควรจะถามเจ้าของดีที่สุดครับ ว่ามันดุไหม เล่นได้หรือเปล่า?

อ้างอิง: