3 Min

ผลสแกนสมองชี้คนจะไม่รู้สึกผิด ถ้าเขาได้รับ “คำสั่ง” ให้ทำคนอื่นเจ็บปวดมาอีกที

3 Min
877 Views
14 Sep 2020

ในศตวรรษที่ 20 ‘ความเลวร้าย’ ของระบอบนาซีที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว และ ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ นับครั้งไม่ถ้วนทำให้มนุษย์กังขาในความมีเหตุผล และความศิวิไลซ์ของตัวเองอย่างมาก

อะไรที่ทำให้คนนั้นสามารถรับคำสั่งในการทำสิ่งที่ชั่วร้ายอย่างเป็นระบบขนาดนั้น?

และสิ่งที่เป็นปริศนามาตลอดก็คือ เมื่อเราได้พบเหล่า ‘อาชญากรสงคราม’ หรือใครก็ตามที่เป็นส่วนหนึ่งของกลไกรัฐของระบบอันเลวร้าย

คนเหล่านี้กลับไม่ใช่ปีศาจร้ายอย่างที่คนจินตนาการกันไว้ แต่พวกเขาก็เป็นมนุษย์ปกติธรรมดาไม่ต่างจากเรา

นี่นำไปสู่ข้อสรุปว่า พวกเขาแค่ ‘ทำตามคำสั่ง’ ของผู้บังคับบัญชาเท่านั้นเอง

คนเหล่านั้นเป็นแค่ข้าราชการธรรมดาในระบอบอันเลวร้ายที่ฆ่ามนุษย์เป็นผักปลา ทันทีที่ออกมาจากระบอบ พวกเขาก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง

นี่เป็นคำอธิบายที่หลายคน “รับไม่ได้” เพราะพวกเขาไม่สามารถจะจินตนาการว่ามนุษย์ปกติจะสามารถรับคำสั่งให้ ‘ฆ่าผู้บริสุทธิ์’ โดยไม่รู้สึกรู้สาได้อย่างไร

1.

ประเด็นนี้ได้จุดชนวนให้เกิดชุดการวิจัยทางจิตวิทยาโดย Stanley Milgram ในปี 1961 โดยหลักๆ เขาทดลองเอาคนต่างอายุ ต่างอาชีพ ต่างเพศ ต่างชาติพันธุ์ มาทำการกดปุ่มเพื่อ ‘ช็อตไฟฟ้า’ คนอื่น

โดยตั้งโจทย์ว่า พวกเขาจะทำหรือไม่ ถ้าถูกสั่งให้ทำ

ผลสรุปก็คือ คนส่วนใหญ่จะ “ทำ”

และการทดลองทำนองนี้ก็มีการทำซ้ำหลายครั้ง และผลก็ออกมาทำนองเดิม คือคนจะสามารถ “ทำร้ายคนอื่น” ได้ ถ้า “มีคนสั่ง”

ดังนั้น นี่จึงเป็นการพิสูจน์ว่า การที่เจ้าหน้าที่ของระบอบอันเลวร้ายรับคำสั่งให้ฆ่าผู้บริสุทธิ์นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ ถ้าอยู่ในเงื่อนไขที่ต้องรับฟังคำสั่ง ก็อาจจะทำเรื่องเลวร้ายได้

แต่การทดลองทั้งหมดนี้ยังไม่ได้ตอบเชิงลึกว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?”

ทำไมมนุษย์ที่มีความรู้สึกรู้สา และหลีกเลี่ยงในการทำให้คนอื่นเจ็บปวด ถึงสามารถทำร้ายคนอื่นได้เมื่อพวกเขาได้รับคำสั่ง

2.

โชคดีที่ปัจจุบันวิทยาศาสตร์ด้านสมองพัฒนาไปไกล เราสามารถรู้ว่าคนรู้สึกอะไร คิดอะไร สมองส่วนไหนทำงาน

นักวิทยาศาสตร์จึงพยายามทำการทดลองแบบที่ Stanley Milgram เคยทำขึ้นอีกครั้ง แต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือ การแสกนสมอง (MRI) กับสมองของคนที่เข้าร่วมการทดลองด้วย

ผลการทดลองชี้ชัดว่า เวลาคนกดสวิตช์เพื่อช็อตไฟฟ้าคนอื่นแบบไม่ได้รับคำสั่งให้ทำหรือทำด้วยเจตจำนงของตัวเอง สมองส่วนที่ใช้รับรู้ความเจ็บปวดจะทำงานตามปกติ

พูดง่ายๆ คือ ผู้ร่วมการทดลองกดสวิตช์ช็อตคน จะรู้สึกเจ็บไปพร้อมกับคนโดนช็อตด้วย (แต่ก็ทำ เพราะได้เงิน)

แต่ในทางกลับกัน ถ้าเขาถูกสั่งให้กดสวิตช์เพื่อช็อตคนอื่น สมองส่วนที่ใช้รับรู้ความเจ็บปวดจะแทบไม่ทำงานหรือไม่ทำงานเลย พูดอีกแบบก็คือถ้ามีคนสั่งให้เขากดสวิตช์ช็อตคนอื่น เขาก็จะช็อตได้แบบไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวด ไปจนถึงรู้สึกผิดใดๆ เพราะสมองส่วนที่ใช้รู้สึกผิด ก็ไม่ทำงานเช่นกัน

นี่หมายความว่า คนเราถ้าทำคนอื่นเจ็บ ในภาวะปกติแบบตั้งใจทำ จะรู้สึกถึงความเจ็บนั้นๆ แต่ถ้าเรารับคำสั่งมาอีกที เราจะตัดการรับรู้ความเจ็บปวดของคนอื่นไปโดยปริยาย และเราก็จะไม่รู้สึกผิดที่ทำเช่นกัน

3.

งานวิจัยนี้เรียกได้ว่า “ไม่ได้ผลอะไรใหม่” แต่เพิ่มคำอธิบายปรากฏการณ์เดิมในระดับที่ลึกขึ้นไปอีกมิติ

เพราะแสดงให้เห็นการทำงานของสมองที่ต่างกัน ระหว่างคนทำสิ่งหนึ่งด้วยเจตจำนงของตัวเอง กับเวลาที่เขาทำสิ่งเดียวกันภายใต้การรับคำสั่งมาอีกที

ซึ่งเห็นได้เลยว่าในสภาวะแบบหลังความเข้าอกเข้าใจคนอื่น และความรู้สึกผิดจะหยุดทำงานไปชั่วคราว

แน่นอน การค้นพบนี้มีนัยยะน่าสนใจในทุกด้าน ตั้งแต่เรื่องของการบริหารจัดการ ด้านกฎหมาย ไปจนถึงเรื่องจริยธรรม

เพราะสุดท้ายนี่เป็นการพิสูจน์แบบจับต้องได้ชัดๆ ครั้งแรกๆ ว่า ‘คำสั่ง’ นั้นทำให้เราสามารถ ‘ระงับความเห็นอกเห็นใจคนอื่น’ ไปจนถึง ‘ระงับความรู้สึกผิด’ ได้ในระดับกายภาพอย่างการหยุดการทำงานของสมองบางส่วนเลยทีเดียว

และความมหัศจรรย์ก็คือ เราไม่ต้องใช้ยาหรือสารเคมีอะไรในการระงับทั้งสองอย่างเลย เราใช้แค่ ‘คำสั่ง’ เท่านั้นเอง

อ้างอิง:

  • IFL Science. Study Suggests Why People Are Capable Of Committing Atrocities When Obeying Orders. https://bit.ly/2Ra2NaQ
  • NeuroImage. Obeying orders reduces vicarious brain activation towards victims’ pain. https://bit.ly/2GBzAUa