“แม้ว่าคุณเลสลี่ จาง จะไม่อยู่บนโลกนี้มา 20 ปีแล้ว เมื่อถึงวันเกิดของคุณเลสลี่ จาง ในทุกปี คุณแดฟฟี่ยังลงภาพคู่กันเสมอราวกับว่า ทั้งคู่ยังคงรักกัน และอยู่ด้วยกันตลอดจนถึงทุกวันนี้” แม้ความตายจะพรากชีวิตได้ แต่ไม่สามารถพรากความรักของทั้งสองได้แม้แต่น้อย
คุณเชื่อในความรักที่ไม่มีวันหมดอายุไหม? ความรักที่ถึงสามารถกลับไปเลือกใครสักคนในชีวิตอีกสักครั้งก็ยังเลือกคนเดิม หรือ แม้คนรักนั้นไม่อยู่ในโลกใบนี้ แต่ความรักของเราก็ยังอยู่ในใจเสมอ ราวกับเค้านั้นยังอยู่ข้างเราตลอด ในตอนเด็กเราคงวาดฝันเอาไว้สวยงาม เกี่ยวกับการอยู่กับคนรักไปจนแก่เถ้า การแต่งงานที่สวยหรู การมีชีวิตคู่ที่เพอเฟค หรือ การอยู่กับครอบครัวแบบไม่มีการจากลา แต่ถว่า ใครจะสามารถรู้ได้ว่าเราจะอยู่กันไปตลอดได้ถึงเมื่อไหร่ เราจะจากกันไปตอนไหน แล้ว ความคิด นิสัย หรืออะไรก็ตามสามารถเปลี่ยนไปได้เสมอ รักกันวันนี้ พรุ่งนี้อาจจะไม่รัก ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ หรือ อนาคตเสียดีกว่า แค่ในตอนนี้เราคิดว่าเรารักกัน การประคับประคองความสัมพันธ์กันไปในทุกวัน ใส่ใจกัน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ถ้าคราวที่เราไม่รักกันมาถึง ก็แค่ยอมรับในความรู้สึกของทุกคน ไม่รักก็คือไม่รัก ฝืนไปก็ไม่ได้มีประโยชน์ ทั้งนี้ความรักไม่ได้มีแค่บริบทของคนรักเพียงอย่างเดียว อาจหมายถึงความรักของเพื่อน ครอบครัว สัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่สิ่งของที่ไม่มีชีวิตก็ตาม ผู้คนมากมายรู้สึกเสียใจเวลามีการโล๊ะของทิ้งในแต่ละครั้ง อาจเพราะเรามีความทรงจำร่วมกัน จนถ้าต้องไม่มีสิ่งนั้นในชีวิตคงเสียน่าดู ถ้าเธอกันอีกครั้งคงจำเรื่องราว ประสบการณ์มากมายที่ได้รับแบบไม่ลืมเป็นแน่ อย่างเอ็มวี รองเท้าเก่า ของศิลปินtattoo color บอกเล่าเรื่องราวของสุนัขตัวนึงที่เจ้าของต้องผลัดเปลี่ยนที่อยู่พร้อมคนรักใหม่ แต่สภาพแวดล้อมใหม่นั้นไม่เอื้ออำอวยให้นำสุนัขไปได้ จึงต้องไปฝากป้าข้างบ้านให้ช่วยเลี้ยงดู แม้ตอนสุดท้ายทั้งเจ้าของและสุนัขได้พบกัน แต่มีเพียงแค่สุนัขที่เจอเจ้าของฝ่ายเดียว ทั้งคู่ก็ยังคงจำกันได้ แม้ไม่ได้เจอกันนาน ความรู้สึกของสุนัขในเอ็มวีคงคิดว่า เจ้านายใหม่เรามีความสุขก็ดีใจ แม้ว่าตอนที่เราเคยอยู่ด้วยกันมันก็ดี เพราะทุกคนย่อมต้องเติบโต การจากลาจึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
ภาพยนตร์โด่งดังอย่าง “แฟนฉัน” บอกเล่าเรื่องราวความรักของเด็กชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ดูเหมือนเป็นความรักในวัยเด็กไม่มีอะไร แค่เด็กผูกพันธ์กัน โตขึ้นก็แยกย้ายไปใช้ชีวิตของตนเอง แต่ตอนจบของภาพยนตร์เรื่องนี้กับบอกเล่าผ่านมุมมองของตัว “เจี๊ยบ” ที่โตขึ้น ยืนมอง “น้อยหน่า” ใส่ชุดเจ้าสาวมีความสุขในงานแต่งของเธอกับคนรักของเธอ แม้ว่าเจี๊ยบกับน้อยหน่าจะเคยมีความสัมพันธ์รักกันมากแค่ไหน พอโตขึ้นทุกคนต้องออกไปใช้ชีวิตตัวเองตามที่หวังไว้ หลงเหลือแค่ความสัมพันธ์ที่ยังไม่หมดอายุ หรือ มองในมุมมองของเจี๊ยบที่เค้าได้บอกไว้ว่า “สำหรับผมคงมีเพียงสิ่งเดียวที่เหมือนหยุดนิ่งอยู่ในกาลเวลา คือ เด็กหญิงผมยาว แก้มแดง ตาแป๋วคนเนี้ย ยังเหมือนเดิมในความทรงจำของผมตลอดมาและคงเป็นเช่นนั้น…ตลอดไป”
บทสรุปในความจริงที่ว่า “ความรักไม่มีวันหมดอายุ” คงไม่มีใครตอบได้ตายตัว ว่าความรักของเราเป็นเช่นนั้นเป็นเช่นนี้ เพราะทุกคนคงคิดว่าไม่ได้รัก ไม่ได้ติดต่อ และการจากลาหายกันไป คงเป็นเครื่องมือที่บอกเป็นนัยว่า ความสัมพันธ์นั้นจบลง และความรู้สึกรักในครั้งนั้นคงเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่คุณยังไม่ลืมนั่นคือ ความทรงจำที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน การเจอหน้ากันในทุกเช้า การปลอบคุณทุกครั้งเวลาคุณอกหัก หรือแม้แต่การส่งสติกเกอร์ไลน์สวัสดีวันต่างๆในทุกเช้า ความรู้สึกนั้นจะถูกเก็บเป็นความรู้สึกส่วนลึกในใจ จากความรักเป็นความทรงจำ ที่ถึงแม้คุณไม่ได้เจอ แต่มันยังชัดและจำได้ดีในหัวใจ